“มีหน้าอะไรล่ะ........” เซียวเวยเวยเริ่มโกรธ สำลักและพูดว่า “ไม่ว่ายังไงฉันก็เป็นผู้จัดการการตลาดของบริษัทเซียวซื่อ ออกไปข้างนอกโดยพกพา Hermes ของปลอม หากถูกคนอื่นเขาจับได้ขึ้นมามันช่างน่าอายเหลือเกิน!”
นายหญิงใหญ่เซียวเยาะเย้ยและพูดว่า “คุณรู้อะไร! สมัยนี้หากคุณมีสถานะอันสูงส่ง ถึงคุณจะพกกระเป๋าปลอม มันก็เป็นของจริงอยู่ในสายตาของคนอื่นๆ แต่ถ้าคุณมีสถานะที่ต่ำต้อย ถึงคุณจะพกกระเป๋าของจริง อยู่ในสายตาของคนอื่นมันก็เป็นของปลอม! ในตอนนี้บริษัทเซียวซื่ออยู่ในฟีนิกซ์นิพพาน และเกิดใหม่จากขี้เถ้า ในสายตาของคนนอกคุณที่เป็นผู้จัดการการตลาด มันก็จะมีน้ำหนักมากพอเป็นเรื่องธรรมชาติ ต่อให้คุณจะพกกระเป๋าปลอมสักใบ ก็จะไม่มีใครมองว่ามันคือของปลอมเลย!”
เซียวเวยเวยรู้สึกหดหู่อย่างมาก “คุณย่า ถึงแม้คุณจะไม่เห็นแก่ที่ฉันเป็นผู้จัดการการตลาดของบริษัทเซียวซื่อ ก็ถือว่าเห็นแก่ที่ฉันเป็นหลานสาวของคุณ และให้เงินฉันหนึ่งแสนหยวนมันก็ไม่ได้ถือว่ามากเกินไปใช่ไหม?”
นายหญิงใหญ่เซียวตะคอกอย่างเย็นชา “อย่ามาที่ไม้นี้กับฉัน ให้แค่หนึ่งหมื่นหยวน คุณจะเอาก็เอาไป ไม่เอาก็ช่างมัน!”
หัวใจของเซียวเวยเวยหดหู่มาก แต่เมื่อคิดได้ว่าเงินหนึ่งหมื่นหยวนหากตัวเองไม่เอา งั้นก็จะไม่ได้แม้แต่สตางค์เดียวแล้ว
ดังนั้นเธอจึงต้องพยักหน้า และพูดอย่างไม่พอใจว่า “โอเค หนึ่งหมื่นก็หนึ่งหมื่น.......”
นายหญิงใหญ่เซียวกระแอม และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ฉันจะบอกพวกคุณนะว่า ในครั้งนี้ พวกเราจะต้องทำให้บริษัทเซียวซื่อฟื้นคืนความรุ่งโรจน์อีกครั้ง! แม้กระทั่งจะทำให้บริษัทเซียวซื่อก้าวขึ้นไปอีกขั้น ดังนั้นพวกคุณแต่ละคนจงตั้งจิตวิญญาณให้เพียบพร้อม ไม่อนุญาตให้มีความคิดที่ใช้ชีวิตแบบมีความสุข มิฉะนั้น แม้ว่าจะเป็นลูกชาย หรือหลานชายแท้ๆ ของฉันก็ตาม จะต้องโดนไล่ออกไปให้ทั้งหมด! พวกคุณเข้าใจไหม? ”
เซียวฉางเฉียน เซียวไห่หลง และเซียวเวยเวยต่างรู้ดีอยู่ในใจว่า คำพูดเหล่านี้ของนายหญิงใหญ่ก็คือกำลังพูดให้พวกเขาฟังอยู่
แม้ว่าในหัวใจจะรู้สึกหดหู่ แต่ทุกคนก็ไม่กล้าที่จะแสดงความคัดค้านใดๆ พวกเขาทำได้เพียงพยักหน้าอย่างขมขื่น และพูดพร้อมกันว่า “เข้าใจแล้ว........”
นายหญิงใหญ่เซียวถึงรู้สึกพึงพอใจในเวลานี้ และโบกมือ “เอาล่ะ รีบกินข้าวกันเถอะ ช่วงบ่ายยังจะต้องไปทำงานที่บริษัทต่อ!”
นายหญิงใหญ่เซียวคว้าโทรศัพท์มือถือจากมือของเธอ มองดู และพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ให้ตายเถอะหม่าหลัน วันๆ ก็รู้แต่จะอวด!”
เซียวฉางเฉียนก็รับโทรศัพท์มือถือไปดูด้วย และพบว่ามีรูปใบหนึ่งของหม่าหลัน และกำลังเซลฟี่กับกระเป๋าของเธอโดยสะพายอยู่บนหลังของเธอ และเขาก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ขาของผู้หญิงเลวคนนี้เหมือนจะถอดเฝือกออกแล้ว! อีกไม่กี่วันก็คาดว่าจะออกมาสะดีดสะดิ้งได้อีกแล้ว!”
เมื่อเซียวไห่หลงนึกถึงหม่าหลันขึ้นมาก็เกิดความเกลียดชังจนต้องกัดฟันของเขา และรีบถามเขาว่า “คุณพ่อ ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าจะแกล้งเธอสักหน่อยไม่ใช่เหรอ? จะลงมือตอนไหนเหรอครับ? ผมแม่งอยากจะสั่งสอนผู้หญิงเลวคนนี้สักหน่อยมานานแล้ว!”
“ไม่ต้องรีบ” เซียวฉางควนตะคอกอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ขาของเธอหักไป และต้องอยู่แต่ที่บ้านตลอดทั้งวัน ดังนั้นคงเป็นไปไม่ได้หรอกว่าจะบุกเข้าไปถึงที่บ้านเธอและไปกลั่นแกล้งเธอ? งั้นก็เหมือนกับการแกล้งตัวเราเข้าไปด้วยไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อเธอถอดเฝือกออกจากขาแล้ว เธอก็ต้องออกมากระโดดเล่นแน่ๆ เมื่อถึงเวลานั้นเราก็คว้าโอกาสไว้ และกลั่นแกล้งเธอให้สาสมไปเลยทีเดียว!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
สมน้ำหน้าไอฉางควน เหมาะกับหม่าหลันดี ขี้โม้เหมือนกัน ว่าคนที่มีความสามารถว่ากระจอกเหมือนกัน หลงตัวเองเหมือนกัน พูดมาได้ไงมึงกับหานเหมยชิงเป้นคู่ฟ้าประทาน 5555 สมล่ะที่คบกังหม่าหลันได้...
ทั้งที่เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่ก็ว่า แต่กลัวกับอีหม่าหลันพูดขู่แค่นี้เนี่ยน่ะ ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยมึงไอเชียวฉางควน กูคิดว่าเป็นตุ๊ด ปากบอกรอเหมยชิงมานาน อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์อยากจะอยู่กับเหมยชิง อยากแต่งงานกะเหมยชิงอีกครั้ง ทั้งที่เหมยชิงยอมกลับมาหาเพื่อมึง แต่มึงกลับไม่กล้าทำไรกะอีหม่าหลันสักอย่าฃ แค่หม่าหลันพูดขู่ว่าจะไปหาเรื่องเหมยชิง แทนที่จะให้เหมยชิงจ้างบอดีการ์ดมา อีหม่าก้ทำไรไม่ได้ล่ะ หรือไอฉางควนปกป้อง สู้กันจริงๆหม่าหลันก้สู้คงไม่ได้หรอก ทำมึงกลับกลัวหัวหด ชาตินี้ก้คงไม่ได้อยุ่กับคนรักหรอก ฝันไปเถอะมึง กระจอก...
ไม่ใช่ว่าข้อมูลของเย่เฉิน ตอนตั้งแต่9ขวบจนถึงปัจุบัน ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่ลบไปแล้วไม่ใช่หรอหรือเก้บซ่อนไว้ ถ้า้ป้นอย่างงี้ แสดงว่าองกรพั้วชิงก้สามารถหาได้เช่นกันดิ ถ้างั้น ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่มันลบออกข้อมูลตอนเด้กของพระเอกออกไปหรอกหรอ -.-"...
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...
เฮเลน่ามึงก้ฝันกลางวันเกิ้น ถามหน่อยสู้ไรกับนานาโกะหรือกู้ซิวอิ้วอีกได้บ้าง เรื่องนี้ผู้หญิงแม่งก้มโนเก่งเกิน คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระเอก 555...
แล้วตู้ไหชิง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไอซูเต้าขอแต่งงานหรอ ไม่รู้คนเขียน หรือคนแปลที่แปลมั่ว ซูเต้า ไม่เคยขอใครแต่งงาน แล้วไห่ชิงนั้นไม่ได้เรียกว่าขอแต่งงานหรอกหรอ 555...
พระเอกมันเป้นห่วงความรุ้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น ไม่อยากให้เศร้าใจมากขนาดนี้น ทำไมไม่แต่งงานกับนานาโกะไปเลยล่ะ ขัดใจ ถ้าเป้นครอบครัวอื่นอยากยกความดีความชอบให้ลูกสาวอีกฝ่ายก้ไมาแปลก แต่ครอบครัวนานาโกะยังไงต่อให้ไม่ยกความดีความชอบให้นานาโกะ พ่อนานาโกะก้รักนานาโกะมากอยุ่ล่ะ แคร์ความรู้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น แต่งงานไปนานาโกะไปเลย ได้จบๆ 555...
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...