เย่ฉางหมิ่นคิดไม่ถึง ว่าเย่เฉินจะพูดกับตัวเองแบบนี้!
อีกอย่าง เมื่อได้ยินที่เย่เฉินพูดว่าเขาสมควรได้สืบทอดมรดกของตระกูลเย่ถึงหนึ่งส่วนสี่ เธอก็พลันไฟลุกท่วมในทันที
ดังนั้น เธอจึงตะคอกออกมาว่า “เหลวไหล!แกว่าตัวเองสูงส่งมากหรือไง!สมควรได้รับมรดกถึงหนึ่งส่วนสี่งั้นเหรอ แกถือสิทธิ์อะไร?!”
เย่เฉินพูดเสียงเย็นว่า “ก็ถือสิทธิ์ในความเป็นผม และถือสิทธิ์ที่พ่อผมคือเย่ฉางอิงนี่แหละครับ!”
เย่ฉางหมิ่นสวนกลับ “พ่อแกตายไปตั้งนานแล้ว แกยังคิดที่จะใช้ชื่อพ่อแกมาสืบทอดมรดกอีกเหรอ?! ฉันจะบอกแกให้นะ ว่าแกไม่คู่ควรหรอก!”
เย่เฉินมองมาที่เย่ฉางหมิ่น แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนนั้นพ่อของผมฟาดดาบฝ่าฟันเพื่อตระกูลเย่ ในสายตาของผม คุณพ่อเหมาะที่จะเป็นผู้นำตระกูลด้วยซ้ำ!แล้วดูคุณสิ ถ้ายึดตามหลักของวงศ์ตระกูลลูกสาวที่แต่งงานไปแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดออกนอกบ้าน ในเมื่อคุณแต่งเข้าตระกูลอื่น ก็ไม่ถือว่าเป็นคนของตระกูลเย่อีกต่อไป! มีสิทธิ์อะไรมาชี้หน้าสั่งผมไม่ทราบ?!”
ประโยคที่ว่าลูกสาวที่แต่งงานไปแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดออกนอกบ้านเป็นคำพูดที่แสนเจ็บปวดที่สุดในชีวิตของเย่ฉางหมิ่น
ถึงเธอจะแต่งงานกับคนอื่น แต่เธอก็นึกถึงสมบัติของตระกูลเย่ตลอด
ตอนนี้ เธอกับสามีแยกกันอยู่ หลังจากที่ความสัมพันธ์แตกหัก เธอก็นำความคาดหวังในอนาคตทั้งหมดกลับมาฝากไว้ที่ทรัพย์สินของตระกูลเย่!
แต่ว่า พี่ใหญ่เย่ฉางโคง เจ้าสามเย่ฉางหยุน เจ้าสี่เย่ฉางเฟิง ต่างก็ไม่เคยมองเธอด้วยสายตาเป็นมิตรเลย คำพูดที่พวกเขามักจะพูดต่อหน้าเย่ฉางหมิ่น แฝงไปด้วยการกล่าวเตือนว่า ให้เลิกหวังสมบัติของตระกูลเย่ซะ เพราะว่าเธอแต่งเข้าตระกูลอื่นไปแล้ว ไม่ใช่คนของตระกูลเย่อีกต่อไป ไม่สมควรที่จะได้รับมรดกตกทอด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน