เมื่อเฉียนหงเย่นสภาพที่น่าสังเวชของลูกชาย ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ และพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า: “ไห่หลง แม่จนปัญญาจริงๆ ในบ้านไม่มีของกินอะไรสักอย่าง ของที่สามารถหาเงินได้ก็ถูกคนของอู๋ตงไห่เอาไปหมดแล้ว ลูกจะให้แม่เอาอะไรให้ลูกกิน…”
เซียวเวยเวยร้องไห้พูดว่า: “แม่ค่ะ ไม่งั้นพรุ่งนี้หนูจะไปหางานทำ!”
เฉียนหงเย่นพยักหน้า และพูดว่า: “หางานทำก็ได้ แต่หางานทำก็ต้องพรุ่งนี้ เงินเดือนก็ต้องรอเดือนหน้า นี่ก็ใกล้จะตรุษจีนแล้ว พวกเราทั้งครอบครัวคงไม่สามารถที่จะหิวโหยฉลองตรุษจีนนะ…”
ในเวลานี้นายหญิงใหญ่เซียวพูดว่า: “ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ไปหางานที่คิดราคาเป็นชั่วโมง! หางานที่จ่ายรายวัน!”
เซียวเวยเวยพูดว่า: “ก็ทำได้เพียงแบบนี้แล้ว…”
ในขณะเดียวกัน จางกุ้ยเฟินที่อยู่ชั้นสาม ก็กำลังประชุมกับหลี่เยว่ฉินและต่งหยู้หลิง
สถานการณ์ตรงหน้าของพวกเธอทั้งสามคน เหมือนกันกับคนของตระกูลเซียว ก็คือไม่มีเงิน
ดังนั้น จางกุ้ยเฟินพูดกับทั้งสองคนว่า: “ตอนนี้พวกเราสามารถที่จะอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่นี้ได้ ก็เป็นบุญเก่าที่ทำมาหลายชาติแล้ว สำหรับเรื่องกินข้าว ฉันว่าพวกเราสามคนยังต้องคิดหาทางด้วยตัวเอง”
ต่งหยู้หลิงรีบพูดว่า: “พี่กุ้ยเฟิน พี่ว่าพวกเราจะทำยังไงกันดี? อีกสองวันก็ใกล้จะตรุษจีนแล้ว พวกเราก็ต้องเตรียมตัวเล็กน้อย ไม่ต้องพูดถึงอาหารมากมายหลากหลายอย่าง อย่างน้อยก็ห่อเกี๊ยวทานมื้อหนึ่งนะ?”
จางกุ้ยเฟินพูดว่า:“อันที่จริงเรื่องง่ายดาย ฉันรู้จักบริษัททำความสะอาดหลายแห่ง ล้วนไปทำความสะอาดให้คนอื่นเขาถึงที่หมาย สร้างรายได้ยี่สิบกว่าหยวนต่อหนึ่งชั่วโมง พวกเราสามคนทำด้วยกัน หนึ่งวันทำแปดชั่วโมง หนึ่งคนหนึ่งร้อยหกสิบ รวมกันแล้วก็มีห้าร้อยหยวน ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ปลายปีแล้ว ค่าใช้จ่ายงานบริการก็เพิ่มขึ้น ไปอาบน้ำถูหลังให้คนอื่นเขาก็สามารถทำเงินได้มากเช่นกัน ตราบใดที่เราสามคนทำงานอย่างจริงจัง เงินที่หามาได้ก็เพียงพอที่พวกเราจะใช้จ่ายอย่างแน่นอน”
หลี่เยว่ฉินพูดทันทีว่า: “ไม่มีปัญหา แม้ว่าฉันจะไม่เคยเรียนหนังสือ แต่ก็ยังมีพละกำลังที่แข็งแรง!”
ต่งหยู้หลิงก็พยักหน้ารัวๆ: “งั้นพวกเราก็ฟังการจัดการของพี่กุ้ยเฟิน!”
จางกุ้ยเฟินตอบอือคำหนึ่ง และพูดว่า: “คืนนี้ก็นอนเช้าๆหน่อย พรุ่งนี้พวกเราจะออกไปหางานกันแต่เช้า!”
...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน