ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 1871

มาตรฐานในการเปรียบเทียบมูลค่าสิ่งของของหม่าหลันนั้น มีอยู่สองมาตรฐาน

แบบที่หนึ่งก็คือ ของสิ่งนี้สามารถแลกกับเงินประมาณเท่าไหร่ได้

แบบที่สองก็คือ ของสิ่งนี้สามารถแลกกับความมีหน้ามีตามาได้มากแค่ไหน

ในสายตาของเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก ทั่วทั้งจักรวาล สุดท้ายแล้วก็คือเงินและหน้าตา

ยกตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวคาเวียร์ที่เย่เฉินมอบให้เธอชุดนั้น ราคาซื้อเกือบ ๆ สี่แสนหยวน ถ้าขายออกไปสามารถขายได้อย่างน้อยสามแสนกว่าหยวน ดังนั้นเธอจึงสามารถสัมผัสถึงคุณค่าของสามแสนกว่าหยวนนั่นได้อย่างชัดเจน

นี่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานข้อที่หนึ่งของเธอ มีค่า!

ยกอีกตัวอย่าง กระเป๋าสะพายหลัง Hermes รุ่นเบสิกที่ราคาหลายแสนใบนั้น หม่าหลันไม่เพียงขายออกไปได้เป็นแสนหยวน พายออกไปข้างนอกทุกวัน ยิ่งได้เพลิดเพลินกับสายตาอิจฉาริษยาของผู้คน ในขณะที่เธอได้สัมผัสกับคุณค่าของเงินแสนกว่าหยวนนั้น ขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกว่ามีหน้ามีตาเป็นอย่างมาก

และนี่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานข้อที่สองของเธอ หน้าตา

หม่าหลันในเวลานี้ จ้องมองแจกันสมัยราชวงศ์หยวนชุดนั้น ก็คิดอยู่เงียบ ๆ อย่างสนอกสนใจ: “ถ้าหากสิ่งของชิ้นหนึ่งไม่สามารถแลกเงินได้ แถมยังไม่สามารถสวมใส่ออกไปอวดผู้คนข้างนอก แล้วของสิ่งนี้มีมูลค่ามากมายขนาดไหนกัน?”

“แจกันเครื่องลายหูช้างสมัยราชวงศ์หยวนนี่ดูเหมือนว่าจะมีมูลค่าสูงจริง ๆ นะเนี่ย แต่มันขายออกไม่ได้ และไม่สามารถเอาออกไปอวดข้างนอกได้ ดังนั้นในสายตาของฉัน มันก็เป็นเพียงขยะที่ไร้ค่า”

“นอกเสียจากว่าวันใดวันหนึ่งฉันจะขโมยมันออกไปขาย ขายสักสิบล้านร้อยล้าน...”

แต่ทว่า หม่าหลันก็เปลี่ยนความคิดอีกครั้ง: “ไม่ได้! ของชิ้นนี้เป็นสิ่งที่เย่เฉินส่งต่อให้กับเซียวฉางควน ถ้าฉันขโมยมันไปขาย เซียวฉางควนจะโกรธก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเย่เฉินโกรธขึ้นมา งั้นก็จะไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว...”

คิดถึงตรงนี้ หม่าหลันก็ทำได้เพียงวางมือจากแจกันเครื่องลายหูช้างสมัยราชวงศ์หยวนคู่นี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน