ท่าทีของฮาชิโมโตะ ชินคิจิ ค่อนข้างต่างไปจากเมื่อวาน
เขาไม่ได้เสนอเงื่อนไขใดๆและไม่ได้ปฏิเสธอย่างเฉียบขาดเหมือนอย่างเมื่อวาน แต่กลับเริ่มเล่นแง่กับซ่งหวั่นถิง
เขาพูดเรื่องทุกอย่างออกมาอย่างกำกวม ไม่ได้ตอบตกลงและก็ไม่ได้ปฏิเสธ ท่าทีขึงขังแบบนี้ ทำให้ซ่งหวั่นถิงรู้สึกจนปัญญา
ทั้งสองฝ่ายคุยกันมาตั้งแต่เช้า ซ่งหวั่นถิงอุตส่าห์ยอมปรับสัดส่วนผลกำไรห้าปีแรกให้บริษัทนิปปอนสตีมากถึง65% แต่ฮาชิโมโตะ ชินคิจิก็ยังไม่ตอบตกลง
ซ่งหวั่นถิงทำอะไรไม่ได้จริงๆ ทำได้เพียงงัดไพ่ใบสุดท้ายออกมา “คุณฮาชิโมโตะ ดูเหมือนเรื่องหุ้นเราทั้งสองฝ่ายจะไม่มีใครยอมถอยให้กันทั้งคู่ ถ้ามันไม่ได้จริงๆล่ะก็ เอาอย่างนี้ดีไหม เราทั้งสองฝ่ายถือกันคนละ50% ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ก็จะยืนยันได้ว่าเราทั้งคู่มีสิทธิ์ถือหุ้นเท่ากัน เมื่อร่วมงานกันพวกเราก็จะมีอำนาจตัดสินใจเท่าเทียมกัน ถ้าหากเราทั้งสองฝ่ายไปกันไม่ได้ เราจะได้เฉลี่ยแบ่งเงินทุนส่วนที่เหลือแบบ50:50!”
ฮาชิโมโตะ ชินคิจิขมวดคิ้วเล็กน้อย ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “คุณซ่ง ถ้าทั้งสองฝ่ายถือกันคนละ50% นั่นก็เท่ากับว่าจะไม่มีใครมีอำนาจตัดสินใจ ถ้าหากในอนาคตเกิดความขัดแย้งและความเห็นต่างต้องแก้ไขอย่างไรล่ะครับ? ถ้าหากไม่มีใครสามารถตัดสินบทสรุปสุดท้ายได้ แบบนั้นก็จะไม่วนกลับไปที่คุณไม่ยอม ผมก็ไม่ยอม แล้วก็วนลูปกลับไปที่ทำอะไรกับอีกฝ่ายไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?”
ซ่งหวั่นถิงเอ่ยพูดด้วยใบหน้าจริงจังว่า “คุณฮาชิโมโตะ ถ้าหากเราทั้งสองฝ่ายต่างก็อยากให้การร่วมงานเป็นไปด้วยดี ต่อให้เกิดข้อขัดแย้ง ฉันก็เชื่อว่าทุกฝ่ายสามารถแก้ไขมันได้อย่างใจเย็น ไม่ใช่ปิดประตูพุ่งชนใส่กันอย่างเดียว ในเมื่อทุกฝ่ายร่วมงานกันแล้ว ก็ต้องทำทุกอย่างให้มันดีๆ ถ้าหากข้อนี้ยังทำไม่ได้ แบบนั้นก็คงร่วมงานกันยากแล้วล่ะ”
ซ่งหวั่นเอ่ยพูดขึ้นมาอีกว่า “ดังนั้นถ้าหากคุณมีความประสงค์อยากร่วมงานกับซ่งซื่อกรุ๊ปจริงๆ สิทธิ์ถือหุ้นครึ่งต่อครึ่งก็จะไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ถ้าคุณไม่ได้อยากร่วมงานกันจริงๆล่ะก็ ต่อให้คุณถือครองหุ้นทั้งหมด การร่วมงานก็อาจจะไม่ก้าวหน้าก็ได้นะ”
ฮาชิโมโตะ ชินคิจิเอ่ยพูดอย่างอึดอัดว่า “คุณซ่ง คนโบราณประเทศคุณกล่าวเอาไว้ว่า คนเราต้องหัดเป็นคนถ่อยก่อนค่อยเป็นคนดี ในเมื่อต้องร่วมงานกัน ก็ต้องไตร่ตรองถึงผลเสียก่อนเป็นอันดับแรก คุณไม่คิดอย่างนั้นหรือ?”
ซ่งหวั่นถิงเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “คุณฮาชิโมโตะ สิทธิ์ถือหุ้นครึ่งต่อครึ่งและผลกำไรที่เพิ่มให้คุณอีก5% คือขีดจำกัดของซ่งซื่อกรุ๊ปแล้ว ถ้าคุณคิดว่าเราสามารถร่วมงานกันได้ งั้นเราก็เจรจากันต่อ ถ้าคุณคิดว่าร่วมงานกันไม่ได้ แบบนั้นทางเราก็คงต้องกล่าวขออภัยด้วย เพราะฉะนั้นแล้วจะเจรจาต่อหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะ”
วันนี้ เธองัดไพ่ใบสุดท้ายออกมาแล้ว ไม่เหลืออะไรไว้ต่อรองแล้ว ถ้าหากผู้บริหารระดับสูงของบริษัทนิปปอนสตีไม่ตอบตกลง แบบนั้นการมาญี่ปุ่นในครั้งนี้ ก็จะไม่ได้อะไรตอบแทนกลับไป
บนตึกบริษัทนิปปอนสตี
ฮาชิโมโตะ ชินคิจิมองไปยังบริเวณที่รถของซ่งหวั่นถิงเพิ่งแล่นออกไป มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มโหดเหี้ยม เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
เมื่อปลายสายกดรับ เขาก็พูดยิ้มๆว่า “คุณซ่ง น้องสาวคุณคงใกล้จะบ้าเพราะผมแล้วล่ะ ผมว่าจังหวะกำลังได้ที่ คืนนี้น่าจะลงมือได้ พอผ่านพ้นคืนนี้ไป น้องสาวของคุณก็จะหายไปจากโลกใบนี้!”
เสียงของซ่งหรงวี่ดังขึ้นมาจากปลายสายว่า “ฮ่าๆ คุณฮาชิโมโตะ งั้นทุกอย่างก็คงขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะ!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
สมน้ำหน้าไอฉางควน เหมาะกับหม่าหลันดี ขี้โม้เหมือนกัน ว่าคนที่มีความสามารถว่ากระจอกเหมือนกัน หลงตัวเองเหมือนกัน พูดมาได้ไงมึงกับหานเหมยชิงเป้นคู่ฟ้าประทาน 5555 สมล่ะที่คบกังหม่าหลันได้...
ทั้งที่เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่ก็ว่า แต่กลัวกับอีหม่าหลันพูดขู่แค่นี้เนี่ยน่ะ ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยมึงไอเชียวฉางควน กูคิดว่าเป็นตุ๊ด ปากบอกรอเหมยชิงมานาน อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์อยากจะอยู่กับเหมยชิง อยากแต่งงานกะเหมยชิงอีกครั้ง ทั้งที่เหมยชิงยอมกลับมาหาเพื่อมึง แต่มึงกลับไม่กล้าทำไรกะอีหม่าหลันสักอย่าฃ แค่หม่าหลันพูดขู่ว่าจะไปหาเรื่องเหมยชิง แทนที่จะให้เหมยชิงจ้างบอดีการ์ดมา อีหม่าก้ทำไรไม่ได้ล่ะ หรือไอฉางควนปกป้อง สู้กันจริงๆหม่าหลันก้สู้คงไม่ได้หรอก ทำมึงกลับกลัวหัวหด ชาตินี้ก้คงไม่ได้อยุ่กับคนรักหรอก ฝันไปเถอะมึง กระจอก...
ไม่ใช่ว่าข้อมูลของเย่เฉิน ตอนตั้งแต่9ขวบจนถึงปัจุบัน ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่ลบไปแล้วไม่ใช่หรอหรือเก้บซ่อนไว้ ถ้า้ป้นอย่างงี้ แสดงว่าองกรพั้วชิงก้สามารถหาได้เช่นกันดิ ถ้างั้น ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่มันลบออกข้อมูลตอนเด้กของพระเอกออกไปหรอกหรอ -.-"...
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...
เฮเลน่ามึงก้ฝันกลางวันเกิ้น ถามหน่อยสู้ไรกับนานาโกะหรือกู้ซิวอิ้วอีกได้บ้าง เรื่องนี้ผู้หญิงแม่งก้มโนเก่งเกิน คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระเอก 555...
แล้วตู้ไหชิง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไอซูเต้าขอแต่งงานหรอ ไม่รู้คนเขียน หรือคนแปลที่แปลมั่ว ซูเต้า ไม่เคยขอใครแต่งงาน แล้วไห่ชิงนั้นไม่ได้เรียกว่าขอแต่งงานหรอกหรอ 555...
พระเอกมันเป้นห่วงความรุ้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น ไม่อยากให้เศร้าใจมากขนาดนี้น ทำไมไม่แต่งงานกับนานาโกะไปเลยล่ะ ขัดใจ ถ้าเป้นครอบครัวอื่นอยากยกความดีความชอบให้ลูกสาวอีกฝ่ายก้ไมาแปลก แต่ครอบครัวนานาโกะยังไงต่อให้ไม่ยกความดีความชอบให้นานาโกะ พ่อนานาโกะก้รักนานาโกะมากอยุ่ล่ะ แคร์ความรู้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น แต่งงานไปนานาโกะไปเลย ได้จบๆ 555...
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...