ซูจือหยูพูดโดยไม่เงยศีรษะว่า “ไม่คืบหน้าอะไร จนป่านนี้ยังหาเขาจากกล้องบันทึกภาพไม่เจอเลย
ตู้ไห่ชิงกล่าวอย่างจริงจังว่า “เรื่องบางเรื่อง ต้องอาศัยวาสนา วาสนาไม่ถึง ต่อให้ลูกหาอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ วาสนาถึง ลูกไม่ไปหาเขา เขาก็จะปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าลูกเอง”
ซูจือหยูพูดโดยไม่ต้องหยุดคิด “หนูจะไม่ยอมเอาสิทธิ์ในการทำเรื่องใดๆ ของตนเองมามอบให้กับวาสนา มันดูไม่น่าเชื่อถือ คนบนโลกมากมายขนาดนี้ นอกจากเพื่อนบ้านที่อยู่หน้าประตูบ้านตัวเองแล้ว คนสองคนที่เคยพบกันที่ต่างประเทศ ความเป็นไปได้ที่จะพบหน้ากันอีกโดยอาศัยวาสนาและความบังเอิญนั้นแทบจะเป็นศูนย์ ถ้าไม่เริ่มลงมือหาเขาด้วยตัวเอง เกรงว่าชาตินี้ก็คงหาไม่เจอ”
พูดเสร็จ ซูจือหยูก็พูดด้วยใจคอแห้งเหี่ยวอยู่บ้าง “ความสามารถในการจดจำของคนก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น ไม่มีใครที่สามารถเพียงมองผ่านแล้วจะจดจำได้ไม่ลืม ของส่วนใหญ่ล้วนต้องอาศัยความจำที่ซ้ำไปซ้ำมาลึกขึ้นเรื่อยๆ ถึงจะสามารถจดจำได้อย่างชัดเจน ก็เหมือนกับเนื้อหาท้ายบทเรียนในตอนเด็ก...”
“เพียงไม่กี่วันที่เพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่น หน้าตาของผู้มีพระคุณยังจำได้ชัดเจนอยู่ในสมอง แต่พอห่างไปหลายวันขนาดนี้ หน้าตาเขาก็ค่อยๆ เลือนรางลง แม้หนูจะคิดผ่านภาพจำในส่วนลึกเพื่อทบทวนความทรงจำอยู่เรื่อยๆ แต่ในความเป็นจริงยังคงทำไม่ได้ หนูกลัวว่าหากผ่านไปอีกสักระยะ หนูคงลืมไปแล้วว่าเขาหน้าตายังไง...”
พอพูดถึงตรงนี้ ซูจือหยูก็เงยศีรษะขึ้นมา มองตู้ไห่ชิงกับซูจือเฟย แล้วถามว่า “แม่...พี่...พวกคุณสองคนเคยมีความรู้สึกแบบนี้ไหม บางครั้งยิ่งอยากจำหน้าตาคนคนหนึ่งไว้ กลับยิ่งลืมได้ง่าย?”
ซูจือเฟยนิ่งคิด แล้วกล่าวว่า “แยกเป็นคนเถอะ หากคนที่เคยพบบ่อยๆ อย่างไรก็ลืมไม่ลง แต่คนที่เคยพบกันเพียงครั้งเดียว หากไม่นานมากนัก ในสมองก็จะนึกรูปพรรณสัณฐานไม่ออก เหลือเพียงภาพที่เลือนราง”
ตู้ไห่ชิงเองก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เมื่อกี้จือหยูพูดถูก ความทรงจำของคนต้องคอยเสริมให้ลึกซึ้งอยู่เรื่อยๆ ถึงจะสามารถจดจำไว้ในใจได้”
ตอนที่พูดคำนี้ คนที่ในสมองเธอคิดถึงคือเย่ฉางอิง
เธอรักเย่ฉางอิงมาตลอดชีวิตเช่นนี้ แต่เย่ฉางอิงจากโลกนี้เกือบจะยี่สิบปีแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะอาศัยว่าทุกวันคอยไปดูรูปถ่ายของเย่ฉางอิงในวัยหนุ่ม เย่ฉางอิงในสมองของเธอก็คงค่อยๆ เลือนหายไป
คิดมาถึงตรงนี้ ภายในใจเธอมากน้อยก็รู้สึกทอดถอนใจอยู่บ้าง ทันใดนั้นก็ถามซูจือหยูอีกว่า “จือหยูจ๊ะ ลูกสาธยายให้แม่ฟังอย่างคร่าวๆ ได้ไหมว่าผู้มีพระคุณคนนั้นของลูกมีหน้าตาอย่างไร?”
ตู้ไห่ชิงยิ้มแล้วกล่าวว่า “คนคนนี้ยังอวดดีมากด้วย”
“ยิ่งกว่าอวดดีเสียอีก!” ซูจือหยูกล่าวอย่างจริงจัง “ช่างอวดดีสุดๆ ไปเลย! ฉันซูจือหยูโตมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยเห็นใครอวดดีขนาดนี้มาก่อน! เขาไม่เห็นนินจาญี่ปุ่นที่ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตาเหล่านั้นในสายตาโดยสิ้นเชิง ฆ่าพวกเขาอย่างกับหั่นผักหั่นแตง เจ๋งเกินไปแล้ว!”
พูดเสร็จ เธอก็กลาวต่อด้วยความโมโหอยู่บ้างว่า “ประเด็นสำคัญคือ หมอนี่ไม่มีรอยยิ้มให้กับหนูและพี่สักครั้ง หนูไปหาเขาเพื่อยืมมือถือโทรหาพ่อ หมอนี่ถึงกับบอกว่าอะไรนะของส่วนตัว ให้คนนอกยืมไม่ได้ ขี้งกมาก!”
ตู้ไห่ชิงยิ้มกล่าวว่า “คนเขาก็ต้องป้องกันลูกไว้ก่อน ไม่อยากให้ลูกรู้เบอร์มือถือของเขา จนสืบหาฐานะของเขาเจอ”
“ถูก!” ซูจือหยูพูดอย่างฉุนเฉียวว่า “หนูว่าคงใช่! เขาฉลาดเป็นกรด ไม่ทิ้งเบาะแสไว้เลยสักนิดเดียว! ก่อนไปหนูพูดกับเขาว่าไว้พบกันใหม่ที่ไหนสักแห่ง เขาถึงกับพูดกับหนูประโยคหนึ่งว่าจะไม่มีทางพบกันอีก พอมาคิดดูตอนนี้หนูยังคงโกรธมาก! มันทำลายศักดิ์ศรีกันเกินไป! ดังนั้นหนูจะต้องหาเขาให้เจอ เผชิญหน้าเพื่อถามเขาว่า ไหนคุณพูดอย่างมั่นอกมั่นใจไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ได้พบกันอีก? พบคุณหนูอย่างฉันอีกครั้ง ในใจรู้สึกอย่างไรบ้าง?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
กูไม่เข้าใจจริง ผู้เขียนมึงหลงรักหม่าหลันขนาดนั้นเลย ทำไมต้องให้อีนี่ มันสมหวังที่จะทำร้ายหงเย่นด้วยว่ะ ทำไมไม่ให้อีหม่าหนักใจจนตาย ทำร้านหงเย้นไม่สำเร็จด้วย คนเขี่ยไร อิจฉาตาร้อนขนาดนี้น เมื่อไหร่แม่งจะตายสักที อีท่าเนี่ย...
พาหลิวหม่านฉงชมมหาลัย ไรมันเกี่ยวไรกับการปรับแต่งแล้วสรรหาเพราะเย่เฉิน เย่เฉินไม่ได้สร้างมหาลัยสะหน่อย หรือเป้นเพราะที่ ที่เย่เฉินเคยมาเรียนหรอ...
สมน้ำหน้าไอฉางควน เหมาะกับหม่าหลันดี ขี้โม้เหมือนกัน ว่าคนที่มีความสามารถว่ากระจอกเหมือนกัน หลงตัวเองเหมือนกัน พูดมาได้ไงมึงกับหานเหมยชิงเป้นคู่ฟ้าประทาน 5555 สมล่ะที่คบกังหม่าหลันได้...
ทั้งที่เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่ก็ว่า แต่กลัวกับอีหม่าหลันพูดขู่แค่นี้เนี่ยน่ะ ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยมึงไอเชียวฉางควน กูคิดว่าเป็นตุ๊ด ปากบอกรอเหมยชิงมานาน อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์อยากจะอยู่กับเหมยชิง อยากแต่งงานกะเหมยชิงอีกครั้ง ทั้งที่เหมยชิงยอมกลับมาหาเพื่อมึง แต่มึงกลับไม่กล้าทำไรกะอีหม่าหลันสักอย่าฃ แค่หม่าหลันพูดขู่ว่าจะไปหาเรื่องเหมยชิง แทนที่จะให้เหมยชิงจ้างบอดีการ์ดมา อีหม่าก้ทำไรไม่ได้ล่ะ หรือไอฉางควนปกป้อง สู้กันจริงๆหม่าหลันก้สู้คงไม่ได้หรอก ทำมึงกลับกลัวหัวหด ชาตินี้ก้คงไม่ได้อยุ่กับคนรักหรอก ฝันไปเถอะมึง กระจอก...
ไม่ใช่ว่าข้อมูลของเย่เฉิน ตอนตั้งแต่9ขวบจนถึงปัจุบัน ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่ลบไปแล้วไม่ใช่หรอหรือเก้บซ่อนไว้ ถ้า้ป้นอย่างงี้ แสดงว่าองกรพั้วชิงก้สามารถหาได้เช่นกันดิ ถ้างั้น ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่มันลบออกข้อมูลตอนเด้กของพระเอกออกไปหรอกหรอ -.-"...
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...
เฮเลน่ามึงก้ฝันกลางวันเกิ้น ถามหน่อยสู้ไรกับนานาโกะหรือกู้ซิวอิ้วอีกได้บ้าง เรื่องนี้ผู้หญิงแม่งก้มโนเก่งเกิน คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระเอก 555...
แล้วตู้ไหชิง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไอซูเต้าขอแต่งงานหรอ ไม่รู้คนเขียน หรือคนแปลที่แปลมั่ว ซูเต้า ไม่เคยขอใครแต่งงาน แล้วไห่ชิงนั้นไม่ได้เรียกว่าขอแต่งงานหรอกหรอ 555...