ประตูสัญญาณจินหลิง เป็นแบรนด์อาหารท้องถิ่นขนานแท้ในเมืองจินหลิง อยู่ในเมืองจินหลิงมีหลายสาขา ขายอาหารเมืองจินหลิงแท้ๆ และเป็นที่ชื่นชอบของคนในท้องถิ่น
มาถึงที่ทางเข้าประตูสัญญาณจินหลิง เฮ่อหยว่นเจียงก็แนะนำให้กับเย่เฉิน: “บรรพบุรุษสามชั่วอายุคนของฉันก็เป็นคนท้องถิ่นในเมืองจินหลิงโดยแท้ ตั้งแต่ที่ฉันเกิดมาจนเป็นวัยรุ่น ก็ใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองจินหลิงมาโดยตลอด ต่อมาไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา ก็ปักหลักอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ช่วงนี้จากกันมานานหลายสิบปีกลับมาใช้ชีวิตอยู่ ก็รู้สึกในทันทีว่าอาหารของบ้านเกิดช่างเย้ายวนใจเกินไปแล้ว กินยังไงก็ไม่เบื่อ แม้ว่าโรงอาหารอาจารย์ของโรงเรียนจะมีอาหารหลากหลายให้รับประทานฟรี ทุกกลางวันฉันยังต้องวิ่งมาทานที่นี่อยู่ดี ได้ทานอาหารเมืองจินหลิงแท้ๆคำหนึ่ง”
หลังจากที่พูดจบ เขาถามเย่เฉินว่า: “แต่ว่านายใช้ชีวิตอยู่ในเมืองจินหลิงมานานหลายปี จะทานจนเบื่อตั้งนานแล้วหรือเปล่า?”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า: “อันที่จริงเรื่องกินผมไม่ค่อยเรื่องมาก ในช่วงสิบปีที่อยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ซุปใสทุกวัน ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่มีอะไรไม่เหมาะสม ต่อมาไปทำงานที่ไซต์ก่อสร้าง ทุกวันก็น้ำเปล่ากับหมั่นโถวก็รู้สึกว่าไม่เลว”
เฮ่อหยว่นเจียงถอนหายใจอย่างอดไม่ได้: “ช่วงชีวิตที่นายเผชิญมาก่อนอายุแปดปี มีเพียงไม่กี่คนในโลกนี้ที่สามารถเปรียบเทียบได้ ตกอยู่ใต้ก้มเหวทีเดียวมานานหลายปีนี้ นายปรับตัวมาได้ยังไง?”
เย่เฉินพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ตอนที่ผมยังเด็กมากพ่อแม่ก็สอนผมว่าไม่ยินดีด้วยเรื่องของวัตถุไม่ทุกข์โศกด้วยเรื่องของตนเอง ดังนั้นสิ่งนี้สำหรับผม ก็ไม่มีอะไรต้องปรับตัว ในเมื่อมาแล้วก็จงสงบใจอยู่ที่นี่ให้เป็นสุขเถิด ไม่ว่าจะเป็นชีวิตอยู่ดีกินดี หรือว่าเป็นกัดก้อนเกลือกิน อันที่จริงในความคิดของผมก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกัน”
เฮ่อหยว่นเจียงพูดอย่างทอดถอนหายใจว่า: “ตรงนี้ของนายเหมือนกับแม่ของนายทุกประการจริงๆ ตอนที่พวกเราเรียนระดับปริญญาตรี แม่ของนายไม่เพียงแต่อาศัยความสามารถได้รับทุนการศึกษาทั้งหมดมาเท่านั้น แต่ยังไปทำงานในร้านอาหารนอกโรงเรียนช่วงหลังเลิกเรียนทุกวัน ปกติใช้จ่ายก็ประหยัดไม่สุรุ่ยสุร่าย ไม่เคยฟุ่มเฟือยหรูหรา”
“ฉันจำได้ว่าช่วงนั้น สิ้นสุดทุกภาคการศึกษา แม่ของนายก็จะใช้เงินที่เก็บระหว่างภาคการศึกษาออกไปท่องเที่ยว ยิ่งไปกว่านั้นแบกกระเป๋าสะพายท่องเที่ยวอย่างประหยัดเงิน เวลานั้นพวกเราก็คิดว่าฐานะทางบ้านของแม่นายยากจนมาก ต่อมาถึงได้รู้ว่า อำนาจของในตระกูลของแม่นาย นับได้ว่าเป็นที่สุดของในหมู่คนจีนในโลก…”
เย่เฉินพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “เธอที่อยู่ในความทรงจำของผม ก็เป็นคนประหยัดจริงๆ ในวันธรรมดาก็จะสอนให้ผมประหยัดห้ามสิ้นเปลืองอยู่เสมอ ตอนที่ทานอาหารถึงขนาดไม่ให้เหลือข้าวแม้แต่เมล็ดเดียว ตรงนี้ก็เหมือนกับพ่อของผมมากเช่นกัน อันที่จริงพวกเขาทั้งสองคนก็ไม่ค่อยใฝ่หาวัตถุสิ่งของอะไรเลย”
เฮ่อหยว่นเจียงก็พูดอย่างเห็นด้วย: “ดังนั้นแม่ของนายและพ่อของนายสามารถที่จะอยู่ด้วยกันได้ ตอนที่พวกเขาน่าจะเป็นความสนุกสนานแห่งวัยเยาว์ที่สุด ก็หลุดพ้นจากการใฝ่หาวัตถุสิ่งของและใฝ่ต่ำ ไม่เหมือนพวกเรา ตอนที่วัยรุ่นทุกวันก็เอาแต่คิดหาเงินเก็บรวบรวมทรัพย์สินและให้ได้ชื่อเสียงจอมปลอมมา”
จากนั้น เฮ่อหยว่นเจียงก็ก้าวเข้าไปในร้านอาหารก่อน และทำท่าทางเชิญให้กับเย่เฉิน
เย่เฉินรีบตามหลังเขาเข้าไป ในเวลานี้ห้องโถงที่ชั้นหนึ่งของร้านอาหารก็โกลาหลไปด้วยผู้คนแล้ว
ที่นั่งที่เฮ่อหยว่นเจียงเลือก เป็นที่เก้าอี้นั่งพิงชิดริมหน้าต่าง คือโต๊ะสี่เหลี่ยมเล็กทำจากไม้ซุง คนสามารถนั่งได้ทั้งสี่ด้าน ดังนั้นสองคนจึงนั่งใกล้หน้าต่างตรงข้ามกัน
เฮ่อหยว่นเจียงยื่นเมนูมาให้หนึ่งเล่ม และพูดกับเย่เฉินว่า: “เย่เฉิน นายมาสั่งอาหาร ดูสิว่าชอบทานอะไรบ้าง”
เย่เฉินโบกมือ และพูดด้วยรอยยิ้ม: “คุณอาเฮ่อ คุณมาสั่งเถอะ ผมจะกินได้ทุกอย่างที่คุณสั่ง”
หลังจากที่พูดจบ ทันใดนั้นเขาก็อยู่ที่นั่งไม่ไกลใกล้หน้าต่างที่เหมือนกัน พบว่าร่างที่คุ้นเคยสองร่าง
ทั้งสองร่างนี้คนแก่กับคนหนุ่ม เป็นสองทวดหลานที่เห็น ตอนที่เขากำลังอยู่ในห้องทำงานของเฮ่อหยว่นเจียง

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
สมน้ำหน้าไอฉางควน เหมาะกับหม่าหลันดี ขี้โม้เหมือนกัน ว่าคนที่มีความสามารถว่ากระจอกเหมือนกัน หลงตัวเองเหมือนกัน พูดมาได้ไงมึงกับหานเหมยชิงเป้นคู่ฟ้าประทาน 5555 สมล่ะที่คบกังหม่าหลันได้...
ทั้งที่เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่ก็ว่า แต่กลัวกับอีหม่าหลันพูดขู่แค่นี้เนี่ยน่ะ ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยมึงไอเชียวฉางควน กูคิดว่าเป็นตุ๊ด ปากบอกรอเหมยชิงมานาน อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์อยากจะอยู่กับเหมยชิง อยากแต่งงานกะเหมยชิงอีกครั้ง ทั้งที่เหมยชิงยอมกลับมาหาเพื่อมึง แต่มึงกลับไม่กล้าทำไรกะอีหม่าหลันสักอย่าฃ แค่หม่าหลันพูดขู่ว่าจะไปหาเรื่องเหมยชิง แทนที่จะให้เหมยชิงจ้างบอดีการ์ดมา อีหม่าก้ทำไรไม่ได้ล่ะ หรือไอฉางควนปกป้อง สู้กันจริงๆหม่าหลันก้สู้คงไม่ได้หรอก ทำมึงกลับกลัวหัวหด ชาตินี้ก้คงไม่ได้อยุ่กับคนรักหรอก ฝันไปเถอะมึง กระจอก...
ไม่ใช่ว่าข้อมูลของเย่เฉิน ตอนตั้งแต่9ขวบจนถึงปัจุบัน ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่ลบไปแล้วไม่ใช่หรอหรือเก้บซ่อนไว้ ถ้า้ป้นอย่างงี้ แสดงว่าองกรพั้วชิงก้สามารถหาได้เช่นกันดิ ถ้างั้น ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่มันลบออกข้อมูลตอนเด้กของพระเอกออกไปหรอกหรอ -.-"...
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...
เฮเลน่ามึงก้ฝันกลางวันเกิ้น ถามหน่อยสู้ไรกับนานาโกะหรือกู้ซิวอิ้วอีกได้บ้าง เรื่องนี้ผู้หญิงแม่งก้มโนเก่งเกิน คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระเอก 555...
แล้วตู้ไหชิง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไอซูเต้าขอแต่งงานหรอ ไม่รู้คนเขียน หรือคนแปลที่แปลมั่ว ซูเต้า ไม่เคยขอใครแต่งงาน แล้วไห่ชิงนั้นไม่ได้เรียกว่าขอแต่งงานหรอกหรอ 555...
พระเอกมันเป้นห่วงความรุ้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น ไม่อยากให้เศร้าใจมากขนาดนี้น ทำไมไม่แต่งงานกับนานาโกะไปเลยล่ะ ขัดใจ ถ้าเป้นครอบครัวอื่นอยากยกความดีความชอบให้ลูกสาวอีกฝ่ายก้ไมาแปลก แต่ครอบครัวนานาโกะยังไงต่อให้ไม่ยกความดีความชอบให้นานาโกะ พ่อนานาโกะก้รักนานาโกะมากอยุ่ล่ะ แคร์ความรู้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น แต่งงานไปนานาโกะไปเลย ได้จบๆ 555...
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...