นี่เป็นเรื่องดีสำหรับเย่เฉิน เพราะว่าถ้าวันนี้อากาศแจ่มใส โอกาสที่เขาจะโดดร่มลงไปตอนกลางวัน แทบจะเป็นศูนย์
ดังนั้นเขาจึงมั่นใจ ที่จะโดดลงไปใกล้ฐานของอีกฝ่ายมากขึ้น
รอให้วาซิล นับถึงสามวินาทีสุดท้าย เย่เฉินก้าวออกมาริมประตูเครื่องบิน วาซิลยิ่งกังวลมากขึ้น เขาพูดเสียงดังว่า “3 2 1 โดด!”
เย่เฉินหันมาบอกทุกคน “ทุกท่าน อีก 6 ชั่วโมงเจอกัน!”
พูดจบ เขาโดดออกจากประตูเครื่องบิน อย่างไม่ลังเล ตัวเขาโดดเข้าไปในชั้นเมฆหนา
เย่เฉินเพิ่งโดดร่มลงไป เขารู้สึกเหมือนอยู่ในอุโมงค์น้ำแข็ง
บนความสูงห้าพันกว่าเมตร อุณหภูมิต่ำกว่าพื้นดิน 30 องศาเซลเซียส ตอนนี้อุณหภูมิบนพื้นดินน่าจะประมาณ 15 องศาเซลเซียส ดังนั้นอุณหภูมิรอบตัวเย่เฉิน น่าจะต่ำกว่า 15 องศา
แต่นี่ไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา ตอนนี้สมาธิของเขาจดจ่ออยู่กับการรักษาท่าทางของร่างกายให้คงที่ ไม่ให้สูญเสียการควบคุม ขณะที่กำลังดิ่งลงด้วยความเร็ว
ตอนนี้ตัวเขาอยู่ท่ามกลางเมฆหนา ดังนั้นเขาจึงมองไม่เห็นสถานการณ์ด้านล่าง ยังดีที่ได้ยินเสียงเตือนของวาซิลจากหูฟัง “คุณชายเย่ ระดับการดิ่งลงกับทิศทางมั่นคงแล้ว ประมาณ 50 เมตรต่อวินาที คุณรักษาระดับเอาไว้ อีกหนึ่งนาทีครึ่ง น่าจะถึงระดับที่สามารถดึงร่มได้อย่างปลอดภัยครับ”
เย่เฉินตะโกนว่า “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว!”
หลังผ่านไป 10 วินาที ตัวของเย่เฉินผ่านก้อนเมฆออกมา
ตอนนี้ เม็ดฝนจำนวนเล็กน้อยเริ่มควบแน่นภายใต้เมฆ มันใกล้จะกลายเป็นฝนแล้ว
เย่เฉินมองเห็นทิวเขายาวสุดลูกหูลูกตาด้านล่าง จะบรรยายทิวเขาในตะวันออกกลางยังไงดีล่ะ มองออกไปเหมือนสีเหลืองอร่ามทั้งแถบ เพราะเป็นที่ราบสูง บนยอดเขาสูงบางส่วน ยังมีหิมะขาวโพลนอยู่
เย่เฉินยังมองเห็นอย่างเลือนรางว่าจุดที่ตัวเองลง เป็นหมู่บ้านธรรมดาๆ ในหุบเขาที่อยู่ข้างล่าง ถึงจะอยู่ไกลมาก แต่เขามองเห็นว่า ที่พักอาศัยของหมู่บ้าน เป็นโครงสร้างเดียวกันทั้งหมด คือเป็นบ้านดินลักษณะเตี้ยๆ เห็นได้ชัดว่าพวกเขายากจนขนาดไหน
เพราะฉะนั้นถ้าทหารรัฐบาลจะโจมตีจริง คงเข้ามาได้เพียงทางทิศเหนือและทิศใต้ สองทางเข้าออกนี้เท่านั้น
เพราะเหตุนี้ การป้องกันของฝ่ายค้าน ทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกค่อนข้างอ่อนแอ มีทหารประจำการ และอาวุธหนักรวมไปถึงขีปนาวุธอยู่ไม่มาก
ถ้าแอบเข้าจากทางนี้ เย่เฉินมั่นใจว่าจะไม่โดนจับได้ ถึงโดนจับได้ก็ไม่น่าจะเป็นอันตราย เพราะการป้องกันทางอากาศอ่อนแอมาก กระสุนไม่เพียงแต่จะยิงได้ไม่สูง แรงศูนย์ถ่วงที่ยิงออกไป จะกลายเป็นเส้นโค้ง
สำหรับขีปนาวุธ ถึงสิ่งนี้มีพลังในการทำลายล้างสูง แต่มันใช้ยิงเครื่องบิน ไม่สามารถใช้ยิงมนุษย์ได้ เพราะฉะนั้นมันแค่ของไร้ค่าสำหรับเย่เฉิน!
ตอนนี้ เสียงของวาซิลดังออกจากหูฟังของเย่เฉิน เขาพูดว่า “คุณชายเย่ ระดับการดิ่งของคุณในตอนนี้ อีก 10 วินาทีสามารถกระตุกร่มได้ครับ!”
เย่เฉินมองตัวเลขบนนาฬิกาข้อมือ หลัง 10 วินาที ระดับความสูงที่จะกระตุกร่ม อยู่ประมาณ 500 เมตร เพื่อความไม่ประมาท เขาเลือกจุดลงตรงไหล่เขาด้านข้าง ทางด้านทิศตะวันออก จะได้เลี่ยงป้อมสนามบนยอดเขาได้ ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “ฉันอยากกระตุกร่มตอนความสูง 200 เมตร”
“200 เมตรเหรอครับ” วาซิลโพล่งออกมา “กระตุกร่มในความสูงแบบนี้ อย่าว่าแต่คุณจะลงตรงป้อมสนามของอีกฝ่ายเลยครับ แค่ระดับการดิ่งของคุณก็ป้องกันไม่ทันแล้วครับ เมื่อร่างกายแบกรับน้ำหนักตอนลงสู่พื้น น่าจะราวๆ ตึก 7-8 ชั้น การโดดลงไปโดยไม่ใส่เครื่องป้องกันอะไรเลย อันตรายถึงชีวิตเลยนะครับ!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
สมน้ำหน้าไอฉางควน เหมาะกับหม่าหลันดี ขี้โม้เหมือนกัน ว่าคนที่มีความสามารถว่ากระจอกเหมือนกัน หลงตัวเองเหมือนกัน พูดมาได้ไงมึงกับหานเหมยชิงเป้นคู่ฟ้าประทาน 5555 สมล่ะที่คบกังหม่าหลันได้...
ทั้งที่เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่ก็ว่า แต่กลัวกับอีหม่าหลันพูดขู่แค่นี้เนี่ยน่ะ ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยมึงไอเชียวฉางควน กูคิดว่าเป็นตุ๊ด ปากบอกรอเหมยชิงมานาน อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์อยากจะอยู่กับเหมยชิง อยากแต่งงานกะเหมยชิงอีกครั้ง ทั้งที่เหมยชิงยอมกลับมาหาเพื่อมึง แต่มึงกลับไม่กล้าทำไรกะอีหม่าหลันสักอย่าฃ แค่หม่าหลันพูดขู่ว่าจะไปหาเรื่องเหมยชิง แทนที่จะให้เหมยชิงจ้างบอดีการ์ดมา อีหม่าก้ทำไรไม่ได้ล่ะ หรือไอฉางควนปกป้อง สู้กันจริงๆหม่าหลันก้สู้คงไม่ได้หรอก ทำมึงกลับกลัวหัวหด ชาตินี้ก้คงไม่ได้อยุ่กับคนรักหรอก ฝันไปเถอะมึง กระจอก...
ไม่ใช่ว่าข้อมูลของเย่เฉิน ตอนตั้งแต่9ขวบจนถึงปัจุบัน ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่ลบไปแล้วไม่ใช่หรอหรือเก้บซ่อนไว้ ถ้า้ป้นอย่างงี้ แสดงว่าองกรพั้วชิงก้สามารถหาได้เช่นกันดิ ถ้างั้น ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่มันลบออกข้อมูลตอนเด้กของพระเอกออกไปหรอกหรอ -.-"...
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...
เฮเลน่ามึงก้ฝันกลางวันเกิ้น ถามหน่อยสู้ไรกับนานาโกะหรือกู้ซิวอิ้วอีกได้บ้าง เรื่องนี้ผู้หญิงแม่งก้มโนเก่งเกิน คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระเอก 555...
แล้วตู้ไหชิง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไอซูเต้าขอแต่งงานหรอ ไม่รู้คนเขียน หรือคนแปลที่แปลมั่ว ซูเต้า ไม่เคยขอใครแต่งงาน แล้วไห่ชิงนั้นไม่ได้เรียกว่าขอแต่งงานหรอกหรอ 555...
พระเอกมันเป้นห่วงความรุ้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น ไม่อยากให้เศร้าใจมากขนาดนี้น ทำไมไม่แต่งงานกับนานาโกะไปเลยล่ะ ขัดใจ ถ้าเป้นครอบครัวอื่นอยากยกความดีความชอบให้ลูกสาวอีกฝ่ายก้ไมาแปลก แต่ครอบครัวนานาโกะยังไงต่อให้ไม่ยกความดีความชอบให้นานาโกะ พ่อนานาโกะก้รักนานาโกะมากอยุ่ล่ะ แคร์ความรู้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น แต่งงานไปนานาโกะไปเลย ได้จบๆ 555...
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...