เขารู้เสียที่ไหน ว่าโทรศัพท์ของกู้ชิวอี๋ได้เปิดโหมดห้ามรบกวนตั้งนานแล้ว ในโหมดนี้ มีเพียงเบอร์ที่เธอตั้งค่าไว้เท่านั้นที่จะโทรติดเบอร์เธอได้ นอกเหนือจากเบอร์เหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นใคร โทรไปก็จะแจ้งเตือนว่าปิดเครื่อง
ดังนั้น เขาจึงรีบขอร้องให้คนไปสอบถามข่าวคราวที่เกี่ยวข้องที่สนามบินจินหลิง ก็ไม่ได้พบว่ามีข่าวคราวการเข้ามาลงทะเบียนลงจอดของกู้ชิวอี๋ในสนามบินแต่อย่างใด
เขาจึงคิดตามสัญชาตญาณ ว่ากู้ชิวอี๋น่าจะยังไม่ถึงจินหลิง ไม่แน่อาจเพราะมีเหตุฉุกเฉินที่เย่นจิงเลยทำให้ล่าช้าไป ไม่แน่อาจจะเปลี่ยนเป็นโดยสายเครื่องบินลำอื่นเพื่อมายังจินหลิงก็ได้ ดังนั้นเขาจึงรีบกำชับลูกน้อง ให้ขับรถบึ่งไปเฝ้ารออย่างลมๆ แล้งๆ ที่สนามบินจินหลิง ขณะเดียวกันก็โทรศัพท์หาเพื่อนที่ทำงานด้านรถไฟ ให้พวกเขาช่วยตรวจสอบดูว่ากู้ชิวอี๋ได้ซื้อตั๋วรถไฟฟ้าความเร็วสูงในระบบรถไฟหรือไม่
ในความคิดของเขา จากเย่นจิงถึงจินหลิง กู้ชิวอี๋นอกจากจะนั่งเครื่องบินและนั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูงแล้ว ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ขอเพียงจับสองช่องทางนี้ได้ จะต้องเจอกู้ชิวอี๋แน่นอน
ผลสุดท้าย สิ่งที่ทำให้เขาไม่อาจแม้แต่จะเพ้อฝันก็คือ รอจนใกล้จะเที่ยงแล้ว เขาก็ไม่เห็นเงาของกู้ชิวอี๋ อีกทั้งเพื่อนที่ทำงานสนามบินรวมถึงทางรถไฟ ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ
นี่ทำให้ซูจือเฟยงุนงงอย่างถึงที่สุด เขารู้สึกว่า กู้ชิวอี๋ให้ความสำคัญกับคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง คอนเสิร์ตจะเริ่มจัดอย่างเป็นทางการพรุ่งนี้แล้ว วันนี้เธอจะต้องซ้อมจนจบให้ได้ ไม่ควรที่จะมีธุระกะทันหันแล้วไม่มา
ทว่า ตอนนี้ติดต่อเธอไม่ได้ตลอด และไม่เจอเบาะแสใดๆ ด้วย ทำให้เขากลัดกลุ้มใจเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าอีกสองสามนาทีก็จะเที่ยงแล้ว ซูจือเฟยครุ่นคิดแล้วคิดอีก ก็ตัดสินใจที่จะล้มเลิกการไปรับที่สนามบิน แล้วกลับไปดูที่สนามกีฬา หากว่ากู้ชิวอี๋ไปฝึกซ้อมยังสนามกีฬาอย่างเงียบๆ ตรงเวลา แล้วตนเองยังอยู่รอรับเธอที่สนามบินตาละห้อย เช่นนั้นคงเป็นเรื่องที่ตลกน่าดู
เมื่อคิดได้จุดนี้แล้ว เขาก็รีบพาคนบึ่งไปยังศูนย์กีฬาโอลิมปิก
และในขณะที่รถของเขากำลังจะขับเข้าไปยังประตูใหญ่ของศูนย์กีฬาโอลิมปิก เย่เฉินก็ขับรถพากู้ชิวอี๋มาส่งยังเส้นทางวีไอพีประตูหลังของศูนย์กีฬาโอลิมปิกเรียบร้อยแล้ว
เฉินตัวตัวได้จัดการให้ทีมงานปิดทางเข้าออกล่วงหน้าแล้ว เพื่อไม่ให้แฟนคลับปะปนเข้ามาได้
หลังจากที่เย่เฉินจอดรถแล้ว กู้ชิวอี๋จึงได้เอ่ยกับเย่เฉิน: “ขอบคุณค่ะพี่เย่เฉินที่มาส่งฉัน ฉันไปก่อนนะคะ!”
เนื่องจากตัวเขาเองก็เป็นฝ่ายพันธมิตรของฝ่ายจัดงานเช่นกัน หลายวันนี้ก็ใช้เส้นทางรถวีไอพีโดยตลอด ดังนั้นเมื่อทีมงานเห็นรถของเขาก็ปล่อยให้เข้ามาทันที
ซูจือเฟยเพิ่งขับรถเข้ามายังเส้นทางรถวีไอพี ก็พบทันทีว่ากู้ชิวอี๋เดินลงจากรถ BMW 520 ที่สุดแสนธรรมดาเบื้องหน้า ขณะที่ลงมาก็ยังโบกมือให้กับคนที่นั่งขับข้างในด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอีก
ซูจือเฟยมองไม่ออกว่าคนขับรถเป็นหน้าตาอย่างไร ทว่าจากกระจกหลังสามารถมองเห็นท้ายทอยของเย่เฉิน เย่เฉินไว้ผมสั้น ไม่ว่าใครที่เห็นจากข้างหลังก็มองออกว่าเป็นผู้ชาย
ขณะนั้นเอง ซูจือเฟยก็ฉุนเฉียวขึ้นมา กัดฟันด่าทอ: “แม่งเอ๊ย! ฉันรอแกมาทั้งเที่ยง ไม่คิดเลยว่าแกจะให้ผู้ชายคนอื่นขับรถมาส่ง! ทั้งสนามบินและรถไฟก็ไม่มีข่าวคราวของแก แต่ตัวแกกลับมาถึงจินหลิงแล้ว ดูเหมือนว่าแกจะจงใจหลบฉันสินะ!”
จากนั้น เขาก็มองเห็นทะเบียนรถของเย่เฉินได้อย่างชัดเจน เขาควักโทรศัพท์ออกมา ต่อสายไปยังเบอร์หนึ่ง
“ฮัลโหล! ช่วยฉันตรวจสอบข้อมูลของทะเบียนรถหนึ่งที! ฉันต้องการข้อมูลทั้งหมดของเจ้าของรถคันนี้! เร็วๆ ด้วย!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
เอาตรงๆผมอ่านมา ก้ไม่ได้สงสารหงเยนน่ะ แต่แค่ใจจริงผมให้เลือกว่าใครจะตาย อยากจะให้อีหม่าหลันตายห่าไปมากกว่าอีก ไม่มีหม่าหลันอยู่แม่จะอ่านสนุกกว่านี้มาก...
เองก้อยากให้หม่าหลันเสียสติไม่ใช่หรอเย่เฉิน ส่วนชูหรันมึงก้เข้าข้างแม่ตีวเองเกิ้น รู้ทั้งรู้นิสัย สันดานแม่เป้นงี้ก้ยังเลือกที่จะเข้าข้าง พระเอกทิ้งเองไปหานานาโกะหรือกู้ชิวอี้จะสมน้ำหน้าให้ ดีเกิน กตัญญูจนโง่...
กูไม่เข้าใจจริง ผู้เขียนมึงหลงรักหม่าหลันขนาดนั้นเลย ทำไมต้องให้อีนี่ มันสมหวังที่จะทำร้ายหงเย่นด้วยว่ะ ทำไมไม่ให้อีหม่าหนักใจจนตาย ทำร้านหงเย้นไม่สำเร็จด้วย คนเขี่ยไร อิจฉาตาร้อนขนาดนี้น เมื่อไหร่แม่งจะตายสักที อีท่าเนี่ย...
พาหลิวหม่านฉงชมมหาลัย ไรมันเกี่ยวไรกับการปรับแต่งแล้วสรรหาเพราะเย่เฉิน เย่เฉินไม่ได้สร้างมหาลัยสะหน่อย หรือเป้นเพราะที่ ที่เย่เฉินเคยมาเรียนหรอ...
สมน้ำหน้าไอฉางควน เหมาะกับหม่าหลันดี ขี้โม้เหมือนกัน ว่าคนที่มีความสามารถว่ากระจอกเหมือนกัน หลงตัวเองเหมือนกัน พูดมาได้ไงมึงกับหานเหมยชิงเป้นคู่ฟ้าประทาน 5555 สมล่ะที่คบกังหม่าหลันได้...
ทั้งที่เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่ก็ว่า แต่กลัวกับอีหม่าหลันพูดขู่แค่นี้เนี่ยน่ะ ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยมึงไอเชียวฉางควน กูคิดว่าเป็นตุ๊ด ปากบอกรอเหมยชิงมานาน อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์อยากจะอยู่กับเหมยชิง อยากแต่งงานกะเหมยชิงอีกครั้ง ทั้งที่เหมยชิงยอมกลับมาหาเพื่อมึง แต่มึงกลับไม่กล้าทำไรกะอีหม่าหลันสักอย่าฃ แค่หม่าหลันพูดขู่ว่าจะไปหาเรื่องเหมยชิง แทนที่จะให้เหมยชิงจ้างบอดีการ์ดมา อีหม่าก้ทำไรไม่ได้ล่ะ หรือไอฉางควนปกป้อง สู้กันจริงๆหม่าหลันก้สู้คงไม่ได้หรอก ทำมึงกลับกลัวหัวหด ชาตินี้ก้คงไม่ได้อยุ่กับคนรักหรอก ฝันไปเถอะมึง กระจอก...
ไม่ใช่ว่าข้อมูลของเย่เฉิน ตอนตั้งแต่9ขวบจนถึงปัจุบัน ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่ลบไปแล้วไม่ใช่หรอหรือเก้บซ่อนไว้ ถ้า้ป้นอย่างงี้ แสดงว่าองกรพั้วชิงก้สามารถหาได้เช่นกันดิ ถ้างั้น ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่มันลบออกข้อมูลตอนเด้กของพระเอกออกไปหรอกหรอ -.-"...
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...