อันที่จริง เย่เฉินทราบตั้งนานแล้วว่าซูจือเฟยกำลังตามจีบกู้ชิวอี๋
ตามหลักการที่ว่า “ความรักคืออิสระ” เขาไม่อยากที่จะแทรกแซงซูจือเฟยมากมายนัก แม้ว่าเมื่อก่อนเฉินจื๋อข่ายจะเคยแนะนำให้เขาเข้าไปยุ่งด้วย เขาก็ไม่เคยมีความคิดเช่นนี้
เย่เฉินก็รู้สึกว่า ใครก็มีสิทธิ์ชอบคนอื่น และถูกคนอื่นชอบเช่นเดียวกัน
ขอเพียงแค่ชอบอย่างตรงไปตรงมา มีเหตุมีผล ใครก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปแทรกแซง
ทว่าที่ซูจือเฟยผิดนั้น ก็คือตัวเขาไม่ได้ทำสิ่งนี้ให้ชัดเจน
ก่อนที่เขาจะจีบกู้ชิวอี๋ติด ก็เห็นกู้ชิวอี๋เป็นสิ่งของส่วนตัวตนแล้ว เมื่อเขาพบว่าตนขับรถไปส่งกู้ชิวอี๋ที่สนามกีฬา ความคิดแรกก็คือต้องการตรวจสอบสถานะของตนอย่างแน่วแน่ ชี้เป้ามายังตน กระทั่งว่าต้องการตรวจสอบเลขทะเบียนรถของภรรยาตนเอง นี่ก็ได้ขัดต่อหลักการพื้นฐานของ “ความรักคืออิสระ” แล้ว
ดังนั้น การตัดสินใจนี้ของซูจือเฟย ก็เป็นหัวใจสำคัญท่ีตนตัดสินใจลงโทษเขาให้ได้
และเป็นเพราะเหตุนี้ เย่เฉินจึงได้ทำการสะกดจิตเขา
การสะกดจิตเป็นฟังก์ชันการล้างสมองที่ยิ่งใหญ่มากอย่างหนึ่ง อีกทั้งเย่เฉินก็ใช้ปราณทิพย์เป็นมีเดียของตนเอง การสะกดจิตแบบนี้ไม่มียารักษาได้
เย่เฉินชัดเจนดีมาก ถ้าตนกับซูจือเฟยรับปากกันทางคำพูดอย่างเดียว ถ้าเช่นนั้นหลังจากที่เขาจากที่นี่ไปแล้ว จะต้องกลับคำแน่นอน ถึงขั้นอาจหลบหนีไปไกลแสนไกลด้วย
ต่อให้เขาจะถูกบีบบังคับจนทำอะไรไม่ได้ เดินหมอบกราบหัวแตะพื้นไปจนถึงวัดต้าจาว เช่นนั้นตลอดเส้นทาง มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะคิดทุกวิถีทางในการเล่นตุกติกเพื่อให้รอดพ้นไปได้แน่นอน
อีกทั้งตนก็ไม่มีทางที่จะจับตาดูเขาได้ตลอดเวลา วิธีแก้ไขอย่างเดียว ก็คือสะกดจิตที่อานุภาพรุนแรงกับเขา ทำให้เขาปฏิบัติตามข้อต้องการของตนอย่างเคร่งครัด
หลังจากที่เขาสะกดจิตเรียบร้อย เขาก็ราวกับเป็นอู๋ฉีที่ต้องเพิ่มอาหารทุกๆ หนึ่งชั่วโมง ใครก็ห้ามเขาไม่อยู่ อีกทั้งใครก็ไม่สามารถทำให้เขาล้มเลิกข้อเรียกร้องของตนได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็จะกำหนดข้อเรียกร้องที่เคร่งครัดให้กับตัวเขาว่าต้อง ก้าวเดินสามเก้า หมอบกราบหัวแตะพื้น เมื่อเดินก้าวเล็กๆ สักพักก็เดินหมอบกราบหัวแตะพื้น ตัวเขาไม่มีทางให้อภัยตัวเองได้
ซูจือเฟยรีบพยักหน้า เอ่ยว่า: “ผมรับทราบผู้มีพระคุณ!”
สิ้นเสียง เขาก็รีบหันลำตัว เดินออกไปด้านนอกโดยไม่หันหน้ามามองด้วยซ้ำ
หวังตงเสวี่ยนเห็นดังนั้น ก็รีบถามเย่เฉินทันที: “คุณชาย ให้เขากลับไปแบบนี้น่ะเหรอ?”
เย่เฉินพยักหน้า: “ให้เขากลับเถอะ เรื่องที่เหลือพวกเราไม่ต้องเป็นกังวลแล้ว”
“ค่ะ” หวังตงเสวี่ยนเอ่ยต่อ: “ถ้างั้นเดี๋ยวฉันไปส่งเขา เดี๋ยวคนพวกนั้นจะสงสัยเอาได้”
เย่เฉินพยักหน้าเบาๆ หวังตงเสวี่ยนรีบเดินออกไป พร้อมเอ่ยกับซูจือเฟย: “คุณชายซู เดี๋ยวฉันไปส่ง”
ซูจือเฟยพยักหน้าทันที จากนั้นก็เอ่ยตามสัญชาตญาณ: “ขอบคุณ”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...
รอตอนต่อไปอยู๋นะครับกำลังสนุกเลย...
รออัพเดตตอนใหม่อยู่นะครับ กำลังสนุกเลย...