หลังจากออกมา ซูจือเฟยเพิ่งมายังหน้าประตูห้องประชุม ผู้ช่วยของเขารวมถึงบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งก็รีบลุกขึ้นมาทันที
ผู้ช่วยเดินมาข้างหน้า เอ่ยถามโดยกดเสียงเบา: “ท่านสืบข้อมูลเกี่ยวกับประธานของตี้เหากรุ๊ปได้หรือยังครับ?”
ซูจือเฟยเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ: “เรื่องครั้งนี้เป็นการเข้าใจผิด คนที่ฉันต้องการตามหาไม่ได้อยู่ที่ตี้เหากรุ๊ป พวกเราไปกันเถอะ พวกนายส่งฉันกลับบ้าน”
ผู้ช่วยมีความสับสนไปชั่วขณะ ทว่าเขาก็ไม่แน่ชัดว่าซูจือเฟยเจออะไรที่ช่องจอดรถ VIP ที่สนามกีฬาในตอนนั้นกันแน่ ดีไม่ดีอาจมีความเป็นไปได้ว่าซูจือเฟยเข้าใจผิดไปเอง ดังนั้นจึงไม่ได้คิดอะไรมาก จึงเอ่ยว่า: “ครับ คุณชาย ถ้างั้นตอนนี้พวกเราจะส่งท่านกลับไปเดี๋ยวนี้เลย”
ตลอดทาง ซูจือเฟยไม่ได้เอ่ยอันใด อีกทั้งยังนั่งปิดตาทำสมาธิอยู่ในรถคนเดียว
ขบวนรถส่งเขามายังคฤหาสน์หลังเก่าตระกูลตู้ ก่อนลงรถซูจือเฟยบอกกับผู้ช่วยว่า: “เอาล่ะ พวกนายไปทำธุระของตัวเองเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน ฉันจะกลับบ้านไปพักผ่อนสักหน่อย”
ผู้ช่วยไม่ได้คิดอะไรมาก รีบเปิดประตูรถให้ซูจือเฟย จากนั้นก็มองส่งซูจือเฟยเข้าไปยัง คฤหาสน์หลังเก่าตระกูลตู้ ค่อยบอกให้คนอื่นขับรถจากไป
ขณะที่ซูจือเฟยกลับถึงบ้าน ภายในบ้านมีคนรับใช้ ทว่าเมื่อคนรับใช้ทักทายเขา เขากลับไม่สนใจ กลับไปยังห้องนอนตัวเองทันที พร้อมทั้งล็อกกลอนประตูจากด้านใน
คนรับใช้นึกว่าเขาอาจจะอารมณ์ไม่ค่อยดี จึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจนัก ไม่ได้เข้ามาแตะต้องความโชคร้ายของเขา
เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ ตู้ไห่ชิงและซูจือหยูทยอยกลับบ้าน คนรับใช้เล่าเรื่องตอนบ่ายที่ซูจือเฟยขังตัวเองไว้ในห้องและไม่ได้ออกมาอีกเลย สองแม่ลูกผลัดกันไปเคาะประตูสอบถาม คำตอบที่ซูจือเฟยให้พวกเธอก็คือ อยากอยู่เงียบๆ คนเดียว
คนในครอบครัวจึงไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
ถึงอย่างไรซูจือเฟยก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว บางครั้งต้องการอยู่เงียบๆ คนเดียวก็เป็นเรื่องที่ปกติอย่างยิ่ง
ทว่าเมื่อเวลาสามทุ่ม ซูจือเฟยผลักเปิดประตูห้องออกมา และเรียกรวมคนในครอบครัวมาอย่างหนักอึ้ง บอกว่าตนมีเรื่องที่สำคัญต้องการจะประกาศด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
คนในครอบครัวนั่งอยู่ในห้องรับแขก ขณะที่ต้องการฟังว่าเขามีเรื่องสำคัญอะไรต้องการจะประกาศกันแน่ เขาก็ควักโทรศัพท์ออกมา จากนั้นก็ต่อสายวิดีโอคอลไปหาซูเฉิงเฟิง
ซูจือเฟยนั่งเหยียดตัวตรง เอ่ยอย่างจริงจังว่า: “ผมซูจือเฟย หลังจากที่ครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้ว คิดว่าพ่อและปู่ของผมล้วนเป็นคนที่มีบาปหนา เพราะฉะนั้นผมตัดสินใจเริ่มจากพรุ่งนี้เจ็ดโมงเช้า จะใช้วิธีการเดินหมอบกราบหัวแตะพื้น ไปจนถึงวัดต้าจาว เพื่อเป็นการไถ่บาปให้ตระกูลซู การกระทำนี้ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไร ถ้าผมสามารถหมอบกราบหัวแตะพื้นจนถึงวัดต้าจาวได้ภายในสามปี ผมยังต้องกลับมาเดินหมอบกราบหัวแตะพื้นเวลานานอีกครั้งเป็นเวลาสามปี!”
ตู้ไห่ชิงและซูจือหยูได้ยินแล้ว แน่นอนว่าต้องอึ้งตะลึงตาค้างไป
และซูเฉิงเฟิงที่อยู่ปลายสาย มีสีหน้าดูไม่ได้เรียบร้อย!
เขาด่าอยู่ในใจ: “ไอ้เด็กบ้านี่หัวสมองกระทบกระเทือนหรือไงวะ!?! บอกว่าฉันบาปหนางั้นเหรอ?! ต่อให้ฉันจะบาปหนา ก็ไม่ต้องการให้นายไปหมอบกราบหัวแตะพื้นเป็นเวลานานขนาดนั้นเพื่อชดใช้ให้ฉันหรอก! แกนี่จงใจอยากให้ฉันขายหน้าต่อหน้าทุกคนใช่ไหม?!”
เมื่อนึกถึงตอนนี้ เขาก็ตะคอกด้วยสีหน้าที่ดูไม่ได้: “ซูจือเฟย! นี่แกกำลังจงใจก่อเรื่องชัดๆ ! แกอย่าลืมสถานะของแกไปนะ! แกคือหลานชายคนโตของตระกูลซู! ในฐานะหลานชายคนโตของตระกูลซู แกไม่ตั้งใจเรียน ทำงานให้มันดีๆ ไม่นำผลประโยชน์ของตระกูลซูมาเป็นผลประโยชน์ที่สูงสุด แต่กลับจะไปทำเรื่องที่ปัญญาอ่อนแบบนี้ แกจะให้คนในบ้านตระกูลซูเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?! แกจะให้ฉันเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?!”
ซูจือเฟยไม่มีความสั่นคลอนใดๆ กับคำตะคอกที่เกรี้ยวกราดของซูเฉิงเฟิง เขาเอ่ยอย่างราบเรียบ: “ฉันได้ตัดสินใจแล้ว! ไม่มีใครหน้าไหนทั้งนั้นที่จะมาขวางการตัดสินใจของผมได้! เจ็ดโมงเช้าพรุ่งนี้ ผมจะเตรียมออกเดินทาง เมื่อถึงเวลานั้น ผมจะเรียนเชิญให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมาจับตาคุมผม!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
เอาตรงๆผมอ่านมา ก้ไม่ได้สงสารหงเยนน่ะ แต่แค่ใจจริงผมให้เลือกว่าใครจะตาย อยากจะให้อีหม่าหลันตายห่าไปมากกว่าอีก ไม่มีหม่าหลันอยู่แม่จะอ่านสนุกกว่านี้มาก...
เองก้อยากให้หม่าหลันเสียสติไม่ใช่หรอเย่เฉิน ส่วนชูหรันมึงก้เข้าข้างแม่ตีวเองเกิ้น รู้ทั้งรู้นิสัย สันดานแม่เป้นงี้ก้ยังเลือกที่จะเข้าข้าง พระเอกทิ้งเองไปหานานาโกะหรือกู้ชิวอี้จะสมน้ำหน้าให้ ดีเกิน กตัญญูจนโง่...
กูไม่เข้าใจจริง ผู้เขียนมึงหลงรักหม่าหลันขนาดนั้นเลย ทำไมต้องให้อีนี่ มันสมหวังที่จะทำร้ายหงเย่นด้วยว่ะ ทำไมไม่ให้อีหม่าหนักใจจนตาย ทำร้านหงเย้นไม่สำเร็จด้วย คนเขี่ยไร อิจฉาตาร้อนขนาดนี้น เมื่อไหร่แม่งจะตายสักที อีท่าเนี่ย...
พาหลิวหม่านฉงชมมหาลัย ไรมันเกี่ยวไรกับการปรับแต่งแล้วสรรหาเพราะเย่เฉิน เย่เฉินไม่ได้สร้างมหาลัยสะหน่อย หรือเป้นเพราะที่ ที่เย่เฉินเคยมาเรียนหรอ...
สมน้ำหน้าไอฉางควน เหมาะกับหม่าหลันดี ขี้โม้เหมือนกัน ว่าคนที่มีความสามารถว่ากระจอกเหมือนกัน หลงตัวเองเหมือนกัน พูดมาได้ไงมึงกับหานเหมยชิงเป้นคู่ฟ้าประทาน 5555 สมล่ะที่คบกังหม่าหลันได้...
ทั้งที่เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่ก็ว่า แต่กลัวกับอีหม่าหลันพูดขู่แค่นี้เนี่ยน่ะ ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยมึงไอเชียวฉางควน กูคิดว่าเป็นตุ๊ด ปากบอกรอเหมยชิงมานาน อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์อยากจะอยู่กับเหมยชิง อยากแต่งงานกะเหมยชิงอีกครั้ง ทั้งที่เหมยชิงยอมกลับมาหาเพื่อมึง แต่มึงกลับไม่กล้าทำไรกะอีหม่าหลันสักอย่าฃ แค่หม่าหลันพูดขู่ว่าจะไปหาเรื่องเหมยชิง แทนที่จะให้เหมยชิงจ้างบอดีการ์ดมา อีหม่าก้ทำไรไม่ได้ล่ะ หรือไอฉางควนปกป้อง สู้กันจริงๆหม่าหลันก้สู้คงไม่ได้หรอก ทำมึงกลับกลัวหัวหด ชาตินี้ก้คงไม่ได้อยุ่กับคนรักหรอก ฝันไปเถอะมึง กระจอก...
ไม่ใช่ว่าข้อมูลของเย่เฉิน ตอนตั้งแต่9ขวบจนถึงปัจุบัน ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่ลบไปแล้วไม่ใช่หรอหรือเก้บซ่อนไว้ ถ้า้ป้นอย่างงี้ แสดงว่าองกรพั้วชิงก้สามารถหาได้เช่นกันดิ ถ้างั้น ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่มันลบออกข้อมูลตอนเด้กของพระเอกออกไปหรอกหรอ -.-"...
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...