เมื่อได้ยินคำพูดของว่านพั่วจวิน ในที่สุดซูเฉิงเฟิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาไม่คิดว่าการประจบประแจงนั้นจะเหนื่อยขนาดนี้
ดังนั้นเขาจึงยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “ว่านพั่วจวิน คุณวางใจเถอะ เมื่อถึงเวลานั้นผมจะไปสักการะที่หลุมฝังศพของพ่อแม่คุณอย่างแน่นอน!”
หลังจากนั้น เขาเจตนาถอนหายใจ และกล่าวว่า“ ตอนนี้ผมรอให้คุณบุกขึ้นไปบนภูเขาเย่หลิงซานได้อย่างราบรื่นในวันเช็งเม้ง ไม่! บุกขึ้นไปภูเขาว่านหลิงซานอย่างราบรื่น!”
แน่นอนว่าประโยคแสดงความรู้สึกของซูเฉิงเฟิงนี้ เป็นการโยนความขัดแย้งทั้งหมดที่อยู่ในใจของว่านพั่วจวินไปยังตระกูลเย่ทันที
ว่านพั่วจวินแสยะยิ้ม กัดฟันและกล่าวว่า “ตระกูลเย่ เอาอะไรมาหยุดยั้งไม่ให้ผมบุกขึ้นไปบนภูเขาว่านหลิงซานได้? เมื่อถึงเวลาแล้วผมไม่จำเป็นต้องลงมือเอง ผมแค่ส่งราชันสงครามทั้งสี่ไปเพียงคนเดียว ตระกูลเย่ก็ไม่สามารถต้านทานได้แล้ว!”
หลังจากนั้น เขามีสีหน้าที่เย็นชาและเขากล่าวอย่างเฉียบขาดว่า “แต่ ผมยังต้องการให้ตระกูลเย่ได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าเหนือกว่า! เมื่อถึงเวลานั้น ราชันสงครามทั้งสี่ของผมจะมารวมตัวกันที่ภูเขาว่านหลิงซาน! ผมรอวันนี้มายี่สิบปีแล้ว ยี่สิบปีที่ผ่านมาผมพยายามอย่างหนักและอดทนต่อความอัปยศอดสู เพียงเพื่อรอให้วันนี้มาถึง ผมจะไม่มีทางให้ตระกูลเย่ได้มีโอกาสหันหลังกลับได้”
ซูเฉิงเฟิงกลับมาแสดงสีหน้าประจบประแจงอีกครั้งและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นผมจะกลับไปที่เย่นจิงในวันเช็งเม้ง และหลังจากที่คุณย้ายหลุมศพแล้ว ซึ่งเป็นวันเช็งเม้งวันที่สอง ผมจะอยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน!”
“ดี!” ว่านพั่วจวินพยักหน้าและกล่าวโพล่งออกมาว่า “หลังจากผมย้ายโลงศพของพ่อแม่ไปที่ภูเขาว่านหลิงซานแล้ว ผมจะนำราชันสงครามทั้งสี่ไปยังเมืองจินหลิงทันที และไม่จะเกิดอะไรขึ้นผมก็จะต้องค้นหาความจริงเรื่องการหายตัวไปของอาซู ขอแค่อาซูยังมีชีวิตอยู่ ผมจะพาเขากลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน!”
ซูเฉิงเฟิงกล่าวด้วยความตื่นเต้น “พั่วจวินลงมือด้วยตนเอง ผมเชื่อว่าโสว่เต้าจะสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยได้!”
ว่านพั่วจวินกล่าวอีกครั้งว่า “คุณวางใจเถอะ เมื่อถึงเวลานั้นผมจะสืบหาว่าใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องอาซู ผมจะฆ่าเขาถอนรากถอนโคน เพื่อจะไม่เหลือภัยพิบัติที่แอบแฝงให้กับอาซู!”
ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่เขาใช้ชื่อว่านหลงกรุ๊ปของพ่อ มาตั้งเป็นชื่อของสำนักว่านหลง ซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบหัวเซี่ย และเต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบศิลปะการต่อสู้
และราชันสงครามทั้งสี่ของสำนักว่านหลง ยังเลียนแบบผู้พิทักษ์ทั้งสี่ในนวนิยายศิลปะการต่อสู้ และตั้งชื่อให้ตนเองสี่ชื่อที่มีกลิ่นอายศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ได้แก่ พญาหมาป่าเนตรเขียว พญาเสือแพรขาว พญาเสือดาวหน้าดำและพญาราชสีห์ทองคำ
ในบรรดาพวกเขา พญาหมาป่าเนตรเขียวและพญาเสือแพรขาวต่างก็มีเชื้อสายจีน พญาหมาป่าเนตรเขียวคือเฉินจงเหล่ยที่อยู่ในซีเรีย และพญาเสือแพรขาวเป็นชายหนุ่มผู้ทรงพลังที่อยู่ข้างกายเขา
สำหรับพญาเสือดาวหน้าดำและพญาราชสีห์ทองคำ เป็นคนอเมริกันผิวดำเชื้อสายแอฟริกาและคนอเมริกันผิวขาวผมบลอนด์ตามลำดับ
และขณะนี้ พญาเสือดาวหน้าดำอยู่ในเยเมน และพญาราชสีห์ทองคำอยู่ในปากีสถาน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...
รอตอนต่อไปอยู๋นะครับกำลังสนุกเลย...
รออัพเดตตอนใหม่อยู่นะครับ กำลังสนุกเลย...