อีกฝ่ายส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “ผู้บังคับบัญชาของผมตกลงเจรจาสงบศึกแล้ว ตามความหมายของผู้บังคับบัญชาของผม ขอเพียงแค่ฮามิดเต็มใจยอมจำนนต่อสาธารณะ และปลดอาวุธทหารทั้งหมด และสลายตัวไปทันที พวกเราสามารถไม่เอาผิดทางกฎหมายใด ๆ กับฮามิด แม้กระทั่งถ้าฮามิดเต็มใจ พวกเรายินดีที่จะรับเขาเป็นทหารกองทัพของรัฐบาล และให้ตำแหน่งแก่เขา”
“อะไรนะ?!” เฉินจงเหล่ยกล่าวโพล่งออกมา “ฮามิดฆ่าคนของพวกคุณไปมากมาย ซึ่งควรจะถูกตัดสินลงโทษโดยการแขวนคอ แต่พวกคุณยังต้องการรับเขามาเป็นทหารของกองทัพรัฐบาลอีกหรือ?!”
อีกฝ่ายกล่าวอย่างไม่แยแสว่า “ขอแค่เขายอมจำนน สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ใช่ปัญหา คุณต้องรู้ว่าตอนนี้ฮามิดได้กลายเป็นสัญญาลักษณ์ของฝ่ายต่อต้านแล้ว และขณะเดียวกันยังเป็นแกนหลักสำหรับฝ่ายต่อต้านอีกด้วย ถ้าฮามิดยอมจำนน จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของฝ่ายต่อต้านอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเรา และแน่นอนว่าพวกเรายินดีที่จะรับเขามาเป็นทหารของกองทัพรัฐบาล!”
เฉินจงเหล่ยกัดฟันและกล่าวว่า “ฮามิดเป็นศัตรูตัวฉกาจของสำนักว่านหลง! หากพวกคุณต้องการรับเขาเป็นทหารของกองทัพรัฐบาล พวกคุณต้องพิจารณาว่าต่อไปสำนักว่านหลงจะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้! หรือว่าพวกคุณต้องการเป็นศัตรูกับสำนักว่านหลง?!”
เมื่ออีกฝ่ายได้ยินประโยคนี้ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายรู้สึกกังวลเล็กน้อย
ความจริง ไม่มีใครกล้าล่วงเกินสำนักว่านหลงที่ทรงพลัง
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายลังเลเล็กน้อย เฉินจงเหล่ยถือโอกาสกล่าวว่า “นอกจากทัศนคติของผู้บังคับบัญชาของคุณแล้ว ทัศนคติของคุณกับผมที่มีต่อฮามิดน่าจะเหมือนกัน หวังว่าพวกเราจะสามารถฆ่าพวกเขาได้โดยเร็ว ดังนั้นเรื่องนี้อย่ารีบร้อนตกลงกับฮามิด ผมคิดว่าคุณน่าจะปฏิเสธเขาอย่างเด็ดขาดก่อน ซึ่งจะทำให้เขาเกิดความกดดันทางจิตใจมากขึ้น! ถ้าคุณปฏิเสธเขา คุณจะไม่เสียหายอะไร และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะโกรธเคืองเพราะถูกคุณปฏิเสธการเจรจาสงบศึก แล้วส่งกองกำลังมาโจมตีพวกเรา”
อีกฝ่ายครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ จอมพลเฉิน ผมจะบอกตามตรง แม้ว่าผมจะไม่อยากเจรจาสงบศึกกับฮามิด แต่เกรงว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะมีอำนาจตัดสินใจได้”
เฉินจงเหล่ยกล่าวทันทีว่า “ถึงคุณจะไม่มีอำนาจตัดสินใจมันก็ไม่มีประโยชน์ คุณอย่าลืมว่าคุณสามารถตัดสินใจจะเจรจาสงบศึกหรือไม่เจรจาสงบศึก? ถึงแม้พวกคุณจะตกลงเจรจาสงบศึกกับเขา และบรรลุข้อตกลงกับเขา สำนักว่านหลงก็ไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน! เมื่อถึงเวลานั้น ทหาร 15,000 คนของสำนักว่านหลงจะเฝ้าอยู่ที่นี่ และขอเพียงแค่ฮามิดและลูกน้องของเขากล้าออกมา พวกเราจะฆ่าพวกเขาตายทันที!”
อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดทันที
หลังจากกล่าวจบ เขารีบถามเย่เฉินว่า “น้องเย่ ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไร? หรือจะรอให้พวกเขาเปลี่ยนใจ?”
เย่เฉินขมวดคิ้ว ส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “ผมมีเรื่องด่วนต้องรีบกลับไปทำ ผมรอไม่ไหวแล้ว”
หลังจากนั้น เย่เฉินกล่าวอีกครั้ง “การที่พวกเขาไม่ยินยอมเจรจาสงบศึก ผมคิดว่าเป็นเพราะพวกเขาไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของคุณมากพอ”
“ใช่!” ฮามิดกล่าวอย่างเย็นชา “พวกเขาคงคิดว่าผมเป็นคนที่อ่อนแอ!”
เย่เฉินหัวเราะและกล่าวว่า “เมื่อเป็นเช่นนั้น คุณรีบถ่ายภาพเสบียงทั้งหมดของคุณทันที แล้วส่งภาพถ่ายเหล่านั้นไปให้พวกเขา และบอกพวกเขาว่านี่เป็นเสบียงเพียงส่วนหนึ่งของคุณที่เตรียมไว้สำหรับรบเท่านั้น และสุดท้ายก็ให้โอกาสพวกเขาเจรจาสงบศึกอีกครั้ง ผมไม่เชื่อว่าคราวนี้พวกเขาจะไม่ตกลง!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...