ความจริง จุดประสงค์การเดินทางมาที่แท้จริงของเย่เฉินนั้น ไม่ใช่มาเพื่อพบกับผู้บัญชาการกองทัพของรัฐบาล
คนที่เขาอยากเห็นจริง ๆ คือเฉินจงเหล่ยผู้บัญชาการสูงสุดของสำนักว่านหลงในซีเรีย หรือที่รู้จักในนามพญาหมาป่าเนตรเขียว
และถ้าต้องการนำตัวซูโสว่เต้ากลับหัวเซี่ยภายใต้การล้อมของคนมากกว่าสามหมื่นคน ทางเลือกเดียวของเย่เฉินคือกลยุทธ์จับโจรนั้นต้องจับหัวหน้าโจรก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อสำรวจศักยภาพที่แท้จริงของสำนักว่านหลง และดูว่าฝีมือสี่ราชันสงครามนั้นอยู่ในระดับไหน
สำหรับสวียินตงแล้ว เย่เฉินสามารถดูออกว่าเขาเป็นนักบู๊ และได้ทะลวงเส้นลมปราณไปสองเส้นแล้ว ซึ่งน่าจะอยู่ในระดับนักบู๊สองดาว
ดังนั้น เขาจึงสรุปได้ว่าสมาชิกระดับกลางและระดับสูงของสำนักว่านหลง ส่วนใหญ่น่าจะเป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้
และการที่เขาขู่สวียินตงนั้นเป็นเพราะเขารู้สึกหวั่นไส้ผู้ชายคนนี้
และเขายังรู้อย่างชัดเจนว่า ตอนนี้สำนักว่านหลงกลัวการเจรจาสงบศึกส่วนตัวของฮามิดกับกองทัพรัฐบาลมากที่สุด ดังนั้นเย่เฉินจึงมั่นใจว่าตนเองควบคุมเขาได้
แน่นอนว่าเป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ ขณะนี้สวียินตงกลัวว่าเย่เฉินจะโกรธเคือง และตอนนี้นอกจากคุกเข่าลงบนพื้นแล้วเขายอมทำทุกอย่าง
เมื่อเย่เฉินเห็นใบหน้าที่อ่อนน้อมถ่อมตนของสวียินตง จึงรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อยและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ในเมื่อคุณสามารถยอมรับผิดและปรับปรุงตนเอง งั้นผมจะให้โอกาสคุณ ไปกันเถอะ!”
สวียินตงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรีบกล่าวว่า “ขอบคุณพี่ชาย ขอบคุณพี่ชาย!”
หลังจากนั้น เขาก็กล่าวอีกว่า “พี่ชาย ก่อนจะออกเดินทาง พวกเราต้องตรวจค้นร่างกายคุณก่อน และหวังว่าคุณจะเข้าใจ”
เย่เฉินจ้องเขาและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เกิดอะไรขึ้น? เมื่อสักครู่ตอนที่คุณพูดขอร้องผม คุณยังเรียกผมว่า‘ท่าน’อยู่เลย ตอนนี้พอบรรลุเป้าหมายแล้วก็กลายเป็น‘คุณ’? เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปไหม?”
สวียินตงรู้สึกเครียด และขอโทษอย่างรวดเร็ว “โอ้ ขอโทษจริง ๆ ผมประมาทเลินเล่อและไม่ได้ตั้งใจ ท่านได้โปรดอย่าถือสาผมเลย!”
เย่เฉินกล่าวอย่างเย็นชา “พูดใหม่!”
สวียินตงแทบอยากจะฉีกเย่เฉินออกเป็นชิ้น ๆ แต่เขาทำได้เพียงกัดฟันและกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ตามกฎระเบียบแล้ว พวกเราต้องทำการตรวจค้นตัวของท่าน และพวกเราหวังว่าท่านจะเห็นอกเห็นใจ และไม่ถือสา!”
เย่เฉินถาม “อะไรนะ? ผมมาถ้ำเสือตามลำพัง พวกคุณยังกลัวว่าผมจะเป็นภัยคุกคามอีกหรือ?”
สวียินตงรู้สึกจำยอมและรีบกล่าวว่า “ได้ ๆ ๆ ท่านสามารถสวมใส่ได้ถ้าต้องการ.......”
เหตุผลที่เย่เฉินสวมหน้ากาก สิ่งสำคัญนั้นเพราะเขายังไม่ทราบสถานการณ์ของสำนักว่านหลง ถ้าตอนนี้เขาเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา แล้วกล้องวงจรปิดหรือเครื่องบันทึกของอีกฝ่ายจับภาพตนเองไว้ เกรงว่าอีกฝ่ายจะสามารถค้นหาสถานะตัวตนที่แท้จริงของตนเองได้อย่างง่ายดาย เพราะว่าตอนนี้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าได้รับการพัฒนามาก ดังนั้นตอนนี้จึงต้องระมัดระวัง
เพราะอย่างไรเสียเย่เฉินนั้นไม่มีความสามารถที่จะต่อสู้กับองค์กรรับจ้างที่มีคนเป็นหมื่นตามลำพังได้
เมื่อสวียินตงเห็นว่าตนเองไม่สามารถควบคุมเย่เฉินได้ แต่ตนเองกลับถูกเย่เฉินควบคุม ดังนั้นเขาจึงเลิกยืนกราน เพียงแค่ต้องการรีบพาเขาไป เพื่อสำเร็จภารกิจของตนเอง
ดังนั้น เขาจึงพาเย่เฉินขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่เตรียมไว้นานแล้ว และมุ่งหน้าไปที่ฐานบัญชาการ
หลังจากบินไปประมาณสิบนาที เฮลิคอปเตอร์ก็ลงจอดอย่างช้า ๆ ที่ตรงหน้าบ้านสำเร็จรูป
บ้านสำเร็จรูปเหล่านี้เป็นที่อยู่อาศัยของกองทัพทหารและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักว่านหลง เมื่อเปรียบเทียบกับกระโจมแล้วดีกว่ามาก
นอกจากนั้น ยังสร้างผ้าใบกันน้ำลายพรางขึ้นบนกระโจมและบ้านสำเร็จรูป ซึ่งเป็นการพรางตัวที่หนาแน่น ถ้ามองลงมาจากท้องฟ้า ยากที่จะแยกแยะออกว่าเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่บริเวณไหน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
เอาตรงๆผมอ่านมา ก้ไม่ได้สงสารหงเยนน่ะ แต่แค่ใจจริงผมให้เลือกว่าใครจะตาย อยากจะให้อีหม่าหลันตายห่าไปมากกว่าอีก ไม่มีหม่าหลันอยู่แม่จะอ่านสนุกกว่านี้มาก...
เองก้อยากให้หม่าหลันเสียสติไม่ใช่หรอเย่เฉิน ส่วนชูหรันมึงก้เข้าข้างแม่ตีวเองเกิ้น รู้ทั้งรู้นิสัย สันดานแม่เป้นงี้ก้ยังเลือกที่จะเข้าข้าง พระเอกทิ้งเองไปหานานาโกะหรือกู้ชิวอี้จะสมน้ำหน้าให้ ดีเกิน กตัญญูจนโง่...
กูไม่เข้าใจจริง ผู้เขียนมึงหลงรักหม่าหลันขนาดนั้นเลย ทำไมต้องให้อีนี่ มันสมหวังที่จะทำร้ายหงเย่นด้วยว่ะ ทำไมไม่ให้อีหม่าหนักใจจนตาย ทำร้านหงเย้นไม่สำเร็จด้วย คนเขี่ยไร อิจฉาตาร้อนขนาดนี้น เมื่อไหร่แม่งจะตายสักที อีท่าเนี่ย...
พาหลิวหม่านฉงชมมหาลัย ไรมันเกี่ยวไรกับการปรับแต่งแล้วสรรหาเพราะเย่เฉิน เย่เฉินไม่ได้สร้างมหาลัยสะหน่อย หรือเป้นเพราะที่ ที่เย่เฉินเคยมาเรียนหรอ...
สมน้ำหน้าไอฉางควน เหมาะกับหม่าหลันดี ขี้โม้เหมือนกัน ว่าคนที่มีความสามารถว่ากระจอกเหมือนกัน หลงตัวเองเหมือนกัน พูดมาได้ไงมึงกับหานเหมยชิงเป้นคู่ฟ้าประทาน 5555 สมล่ะที่คบกังหม่าหลันได้...
ทั้งที่เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่ก็ว่า แต่กลัวกับอีหม่าหลันพูดขู่แค่นี้เนี่ยน่ะ ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยมึงไอเชียวฉางควน กูคิดว่าเป็นตุ๊ด ปากบอกรอเหมยชิงมานาน อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์อยากจะอยู่กับเหมยชิง อยากแต่งงานกะเหมยชิงอีกครั้ง ทั้งที่เหมยชิงยอมกลับมาหาเพื่อมึง แต่มึงกลับไม่กล้าทำไรกะอีหม่าหลันสักอย่าฃ แค่หม่าหลันพูดขู่ว่าจะไปหาเรื่องเหมยชิง แทนที่จะให้เหมยชิงจ้างบอดีการ์ดมา อีหม่าก้ทำไรไม่ได้ล่ะ หรือไอฉางควนปกป้อง สู้กันจริงๆหม่าหลันก้สู้คงไม่ได้หรอก ทำมึงกลับกลัวหัวหด ชาตินี้ก้คงไม่ได้อยุ่กับคนรักหรอก ฝันไปเถอะมึง กระจอก...
ไม่ใช่ว่าข้อมูลของเย่เฉิน ตอนตั้งแต่9ขวบจนถึงปัจุบัน ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่ลบไปแล้วไม่ใช่หรอหรือเก้บซ่อนไว้ ถ้า้ป้นอย่างงี้ แสดงว่าองกรพั้วชิงก้สามารถหาได้เช่นกันดิ ถ้างั้น ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่มันลบออกข้อมูลตอนเด้กของพระเอกออกไปหรอกหรอ -.-"...
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...