ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 3110

สรุปบท บทที่ 3110 ผู้แทนเจรจามาถึงแล้ว: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

สรุปตอน บทที่ 3110 ผู้แทนเจรจามาถึงแล้ว – จากเรื่อง ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน โดย เมฆทอง

ตอน บทที่ 3110 ผู้แทนเจรจามาถึงแล้ว ของนิยายนิยาย จีนเรื่องดัง ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน โดยนักเขียน เมฆทอง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ความจริง จุดประสงค์การเดินทางมาที่แท้จริงของเย่เฉินนั้น ไม่ใช่มาเพื่อพบกับผู้บัญชาการกองทัพของรัฐบาล

คนที่เขาอยากเห็นจริง ๆ คือเฉินจงเหล่ยผู้บัญชาการสูงสุดของสำนักว่านหลงในซีเรีย หรือที่รู้จักในนามพญาหมาป่าเนตรเขียว

และถ้าต้องการนำตัวซูโสว่เต้ากลับหัวเซี่ยภายใต้การล้อมของคนมากกว่าสามหมื่นคน ทางเลือกเดียวของเย่เฉินคือกลยุทธ์จับโจรนั้นต้องจับหัวหน้าโจรก่อน

ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อสำรวจศักยภาพที่แท้จริงของสำนักว่านหลง และดูว่าฝีมือสี่ราชันสงครามนั้นอยู่ในระดับไหน

สำหรับสวียินตงแล้ว เย่เฉินสามารถดูออกว่าเขาเป็นนักบู๊ และได้ทะลวงเส้นลมปราณไปสองเส้นแล้ว ซึ่งน่าจะอยู่ในระดับนักบู๊สองดาว

ดังนั้น เขาจึงสรุปได้ว่าสมาชิกระดับกลางและระดับสูงของสำนักว่านหลง ส่วนใหญ่น่าจะเป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้

และการที่เขาขู่สวียินตงนั้นเป็นเพราะเขารู้สึกหวั่นไส้ผู้ชายคนนี้

และเขายังรู้อย่างชัดเจนว่า ตอนนี้สำนักว่านหลงกลัวการเจรจาสงบศึกส่วนตัวของฮามิดกับกองทัพรัฐบาลมากที่สุด ดังนั้นเย่เฉินจึงมั่นใจว่าตนเองควบคุมเขาได้

แน่นอนว่าเป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ ขณะนี้สวียินตงกลัวว่าเย่เฉินจะโกรธเคือง และตอนนี้นอกจากคุกเข่าลงบนพื้นแล้วเขายอมทำทุกอย่าง

เมื่อเย่เฉินเห็นใบหน้าที่อ่อนน้อมถ่อมตนของสวียินตง จึงรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อยและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ในเมื่อคุณสามารถยอมรับผิดและปรับปรุงตนเอง งั้นผมจะให้โอกาสคุณ ไปกันเถอะ!”

สวียินตงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรีบกล่าวว่า “ขอบคุณพี่ชาย ขอบคุณพี่ชาย!”

หลังจากนั้น เขาก็กล่าวอีกว่า “พี่ชาย ก่อนจะออกเดินทาง พวกเราต้องตรวจค้นร่างกายคุณก่อน และหวังว่าคุณจะเข้าใจ”

เย่เฉินจ้องเขาและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เกิดอะไรขึ้น? เมื่อสักครู่ตอนที่คุณพูดขอร้องผม คุณยังเรียกผมว่า‘ท่าน’อยู่เลย ตอนนี้พอบรรลุเป้าหมายแล้วก็กลายเป็น‘คุณ’? เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปไหม?”

สวียินตงรู้สึกเครียด และขอโทษอย่างรวดเร็ว “โอ้ ขอโทษจริง ๆ ผมประมาทเลินเล่อและไม่ได้ตั้งใจ ท่านได้โปรดอย่าถือสาผมเลย!”

เย่เฉินกล่าวอย่างเย็นชา “พูดใหม่!”

สวียินตงแทบอยากจะฉีกเย่เฉินออกเป็นชิ้น ๆ แต่เขาทำได้เพียงกัดฟันและกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ตามกฎระเบียบแล้ว พวกเราต้องทำการตรวจค้นตัวของท่าน และพวกเราหวังว่าท่านจะเห็นอกเห็นใจ และไม่ถือสา!”

เย่เฉินถาม “อะไรนะ? ผมมาถ้ำเสือตามลำพัง พวกคุณยังกลัวว่าผมจะเป็นภัยคุกคามอีกหรือ?”

สวียินตงรู้สึกจำยอมและรีบกล่าวว่า “ได้ ๆ ๆ ท่านสามารถสวมใส่ได้ถ้าต้องการ.......”

เหตุผลที่เย่เฉินสวมหน้ากาก สิ่งสำคัญนั้นเพราะเขายังไม่ทราบสถานการณ์ของสำนักว่านหลง ถ้าตอนนี้เขาเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา แล้วกล้องวงจรปิดหรือเครื่องบันทึกของอีกฝ่ายจับภาพตนเองไว้ เกรงว่าอีกฝ่ายจะสามารถค้นหาสถานะตัวตนที่แท้จริงของตนเองได้อย่างง่ายดาย เพราะว่าตอนนี้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าได้รับการพัฒนามาก ดังนั้นตอนนี้จึงต้องระมัดระวัง

เพราะอย่างไรเสียเย่เฉินนั้นไม่มีความสามารถที่จะต่อสู้กับองค์กรรับจ้างที่มีคนเป็นหมื่นตามลำพังได้

เมื่อสวียินตงเห็นว่าตนเองไม่สามารถควบคุมเย่เฉินได้ แต่ตนเองกลับถูกเย่เฉินควบคุม ดังนั้นเขาจึงเลิกยืนกราน เพียงแค่ต้องการรีบพาเขาไป เพื่อสำเร็จภารกิจของตนเอง

ดังนั้น เขาจึงพาเย่เฉินขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่เตรียมไว้นานแล้ว และมุ่งหน้าไปที่ฐานบัญชาการ

หลังจากบินไปประมาณสิบนาที เฮลิคอปเตอร์ก็ลงจอดอย่างช้า ๆ ที่ตรงหน้าบ้านสำเร็จรูป

บ้านสำเร็จรูปเหล่านี้เป็นที่อยู่อาศัยของกองทัพทหารและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักว่านหลง เมื่อเปรียบเทียบกับกระโจมแล้วดีกว่ามาก

นอกจากนั้น ยังสร้างผ้าใบกันน้ำลายพรางขึ้นบนกระโจมและบ้านสำเร็จรูป ซึ่งเป็นการพรางตัวที่หนาแน่น ถ้ามองลงมาจากท้องฟ้า ยากที่จะแยกแยะออกว่าเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่บริเวณไหน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน