ซูรั่วหลีรีบกล่าว: “แม่ ฉันไปโทรหาอาจารย์เย่ ถ้าเขาต้องการ ฉันอยากตามเขาไปด้วย!”
เหออิงซิ่วพูดอย่างลำบากใจเล็กน้อย: “รั่วหลี่ แกลืมแล้วเหรอว่าอาจารย์เย่กำชับไว้แล้ว ตอนนี้เขายังไม่ให้แกปรากฏตัวในวงสังคม ถึงยังไงตัวตนของแกละเอียดอ่อนมาก เขาถึงขั้นไม่ต้องการให้พวกตาและน้าของแก รู้ว่าแกยังมีชีวิตอยู่”
ซูรั่วหลีกล่าวอย่างหนักแน่นว่า: “งั้นฉันก็จะถามเขา ถ้าไม่ได้จริงๆ ฉันจะได้ปลอมตัวเป็นคนใช้หญิงข้างกายเขา ถ้าไม่ได้ก็ปลอมตัวเป็นชายแต่งหญิงเพื่อเป็นผู้ช่วยก็ได้”
เหออิงซิ่วพูดอย่างหมดความอดทนว่า: “งั้นแกควรถามอาจารย์เย่ด้วยตัวเอง แต่แกก็ต้องระวังท่าทีและน้ำเสียงในการพูด ถ้าตอนนั้นไม่ให้แกไปล่ะก็ แกก็อย่ายืนกรานให้มากเกินไป เกรงว่าเขาจะคิดว่าแกเป็นคนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร”
“โอเคแม่”
ซู่รั่วหลีตอบกลับ รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เดินไปในห้องนอน โทรหาเย่เฉิน
เย่เฉินกำลังกลับไปที่เมืองในเวลานี้
เมื่อรับสายซูรั่วหลี่ ให้เขารู้สึกประหลาดใจ และรู้สึกเหมือนว่าเป็นไปตามหลักธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องเจอ
ทันใดนั้นเขารับสาย ยิ้มและถามว่า: “รั่วหลี่ โทรมาทำไมตอนนี้เหรอ?”
ซูรั่วหลี่รีบกล่าว: อาจารย์เย่ ฉันได้ยินคุณไปเย่นจิง และยังให้พวกตาของฉันไปช่วยเหลือ ดังนั้นอยากถามคุณว่า พาฉันไปด้วยได้ไหม?”
เย่เฉินคิดแล้ว เอ่ยปากพูดว่า: “รั่วหลี่ ตอนนี้ตัวตนของคุณละเอียดอ่อนมาก คนญี่ปุ่นจนถึงตอนนี้ยังตามหาคุณอยู่ทุกที่ ฉันเชื่อว่าพวกเขาอยู่ที่เย่นจิงจะต้องมีผู้สอดแนมและคอยเป็นหูเป็นตาสอดส่องมากมาย ดังนั้นตอนนี้คุณยังไม่ต้องออกมาปรากฏตัวในวงสังคมก่อน”
ซูรั่วหลี่พูดอย่างกังวลใจเล็กน้อยว่า: “อาจารย์เย่ ความแกร่งของรั่วหลี่แม้ว่าไม่กล้าพูดว่าจะโดดเด่นมาก แต่จะไม่มีทางถ่วงคุณไว้แน่นอน และก็สามารถแบ่งเบาความกังวลของคุณในระดับหนึ่ง! ขอร้องคุณให้พาฉันไปด้วยเถอะ ฉันปลอมตัวให้ก็ได้ ไม่ให้ใครมองออกแน่ ขอร้องคุณพาฉันไปด้วยเถอะ!”
กลับไม่ใช่เพราะอารมณ์ไม่ดีหรือสถานการณ์ที่น่าเวทนาเช่นนี้ แต่เขาตั้งตารอการมาถึงของเทศกาลเช็งเม้งให้มาถึงเร็ววัน
เพราะ ในเทศกาลเช็งเม้งวันนั้น จะเป็นวันที่ตระกูลเย่ถอนตัวจากพื้นที่อย่างสมบูรณ์
เมื่อตระกูลเย่ล่มสลาย ตระกูลซูจะยังคงเป็นตระกูลอันดับ 1 ของประเทศต่อไป
อีกอย่าง มีพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างว่านพั่วจวิน ในอนาคตไม่เพียงแต่คุณจะสามารถกำจัดภัยคุกคามได้เท่านั้น จนถึงขั้นที่ว่ายังมีโอกาสที่จะยกระดับไปอีกระดับด้วย
ว่านพั่วจวินโทรมา ซูเฉิงเฟิงรับโทรศัพท์อย่างตื่นเต้น และพูดว่า: “พั่วจวิน โทรมาดึกขนาดนี้ มีอะไรจะสั่งเหรอ?”
ว่านพั่วจวินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ที่ฉันโทรมาเพื่อที่จะแจ้งว่า วันที่ 5 เมษายน ฉันอยากย้ายโลงพ่อแม่ไปที่ภูเขาว่านหลิงซาน จากนั้นฉันก็จะได้ฝังพ่อแม่ของฉันไว้บนภูเขาเย่หลิงต่อหน้าตระกูลเย่ พ่อฉันเคารพลุงซูเสมอ คุณเป็นพ่อของลุงซู ดังนั้นฉันหวังว่าคุณจะมาเป็นประธานในพิธีฝังศพพ่อแม่ของฉันในตอนนั้น!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...