เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฉิน เย่ฉางโคงรู้สึกหดหู่มาก
เขาเข้าใจความหมายของเย่เฉิน ต่อจากนี้ไปไม่ว่าเขาจะอยู่ในตระกูลเย่หรือไม่? และไม่ว่าเขาจะอยู่ที่เย่นจิงหรือไม่ก็ตาม เย่เฉินได้กลับมาตระกูลเย่อย่างเป็นทางการแล้ว
เย่ฉางโคงแอบด่าแช่งอยู่ในใจ “เจ้าหมอนี้ทำแบบนี้มันน่าขยะแขยงจริง ๆ.....”
เพียงแต่ ต่อหน้าคุณท่านแล้ว เขาไม่กล้าพูดอะไร
ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ดี ๆ ๆ กลับมาก็ดีแล้ว!”
คุณท่านหันไปแนะนำเย่ฉางหยุนซึ่งเป็นอาสาม เย่ฉางจุ้นซึ่งเป็นอาสี่ เย่ฉางหมิ่นซึ่งเป็นป้า และเย่ฉางซิ่วซึ่งเป็นอาคนเล็ก ให้กับเย่เฉิน
ตอนที่แนะนำเย่ฉางหมิ่น เย่ฉางหมิ่นแสดงมิตรไมตรีและกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “เฉินเอ๋อ ป้ารอคุณมาหลายปีแล้ว ในที่สุดคุณก็กลับมา! วิญญาณพ่อแม่ของคุณที่อยู่บนสวรรค์ จะต้องปลื้มปีติอย่างแน่นอน!”
ขณะที่พูด เธอเสแสร้งสะอึกสะอึ้น แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา
เย่เฉินคุ้นเคยกับความเสแสร้งแบบนี้ของเย่ฉางหมิ่น เพราะอย่างไรเสียเย่ฉางหมิ่นนั้นเป็นลูกสาวสูงศักดิ์ของตระกูลเย่ ถ้าใช้คำที่นิยมใช้ในปัจจุบันต้องเรียกว่าเธอคือองค์ใหญ่อย่างแน่นอน
องค์หญิงใหญ่เป็นคนที่หยิ่งยโสมาตลอด ไม่จำเป็นต้องก้มหัวให้ใคร ดังนั้นตอนนี้ทักษะการแสดงของเธอไม่เนียน ก็เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้
เพราะปกติองค์หญิงใหญ่ไม่มีอารมณ์จะศึกษาและพัฒนาทักษะการแสดง เย่เฉินสามารถเห็นได้ว่าวันนี้เธอทำดีที่สุดแล้ว แต่น้ำตาของเธอไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเธอจริง ๆ
ดังนั้น เย่เฉินยิ้มเล็กน้อยและกล่าวอย่างสุภาพว่า “ขอบคุณครับ คุณป้า”
กลับกัน อาเล็กเย่ฉางซิ่วซึ่งเงียบมาโดยตลอด ตอนนี้ดวงตาของเธอแดงก่ำ
ตอนที่คุณท่านเย่แนะนำเธอ เธอกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอจับมือเย่เฉินและร้องไห้สะอึกสะอื้น “เฉินเอ๋อ กลับมาคราวนี้ อย่าจากไปอีกนะ..... ”
เมื่อมองป้าที่อายุประมาณสี่สิบปีที่อยู่ข้างหน้า เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะนึกถึงวัยเด็กของตนเอง
ตอนที่เย่เฉินออกจากบ้านไปพร้อมกับพ่อแม่ อาเล็กเย่ฉางซิ่วกำลังศึกษาอยู่ที่ต่างประเทศ ความทรงจำของเย่เฉินที่มีต่อเธอ ยังคงอยู่ในภาพตอนที่เธอจบมัธยมปลาย และทุกคนไปส่งเธอเดินทางไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ
ตอนนั้นอาเล็กยังเป็นสาว และตอนนี้เธอเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว
เมื่อเห็นความรู้สึกที่แท้จริงของอาเล็ก เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอยู่ในใจ และกล่าวด้วยความนอบน้อมว่า “อาเล็ก คุณวางใจเถอะ ผมกลับมาคราวนี้ เพื่องานไหว้บรรพบุรุษ และถึงแม้ต่อไปผมจะไปจากเย่นจิงชั่วคราว แต่ผมจะไม่ขาดการติดต่อกับตระกูลเย่”
ความหมายในคำพูดของเย่เฉินชัดเจนมาก
หลังจากตนเองกลับมาสู่ตระกูลเย่คราวนี้ เขาจะต้องกลับไปที่เมืองจินหลิงอย่างแน่นอน แต่ถ้าตนเองได้ร่วมงานไหว้บรรพบุรุษอย่างเป็นทางการแล้ว ต่อไปตนเองจะกลายเป็นสมาชิกสายตรงของตระกูลเย่อย่างเป็นทางการ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เย่โจงฉวนและเย่ฉางซิ่วรู้สึกมีความสุขมาก แต่คนอื่นกลับไม่สบอารมณ์
คำกล่าวร่วมงานไหว้บรรพบุรุษของเย่เฉิน มันหมายความว่าต่อไปจะมีคู่แข่งที่จะมาแย่งชิงทรัพย์สินของตระกูลมากขึ้นอีกหนึ่งคน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...