ตอนที่เย่เฉินต่อเส้นลมปราณเส้นที่สี่ของว่านพั่วจวินเสร็จ เหอหงเซิ่งก็มองผลการฝึกฝนของว่านพั่วจวินไม่ออกแล้ว
ณ ที่แห่งนั้นผู้ที่ยังสามารถมองผลการฝึกฝนของว่านพั่วจวินออก ก็เหลือเพียงนายพลห้าดาวของสำนักว่านหลงไม่กี่คนเท่านั้น
ส่วนเศษเหล็กอย่างลู่เห้าเทียนกับเฉินจงเหล่ยสองคนนี้ เวลานี้ได้ยอมปล่อยมือโดยสมบูรณ์แล้ว
และพอเส้นลมปราณเส้นที่ห้าของว่านพั่วจวินถูกต่อเข้าด้วยกัน คนในที่แห่งนั้นนอกจากเย่เฉินแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถมองผลการฝึกฝนที่แท้จริงของเขาในปัจจุบันออกอีก
เพียงเวลาสั้นๆ เส้นลมปราณที่เหลือของว่านพั่วจวินก็ถูกต่อเข้าด้วยกันทีละเส้นๆ
เส้นลมปราณทั้งแปดเส้นที่ตนรู้สึกว่าขาดสะบั้นเมื่อสักครู่ ก็กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยสมบูรณ์แล้ว
และสิ่งที่ทำให้ว่านพั่วจวินจินตนาการไม่ถึงคือ เส้นลมปราณแปดเส้นของตนจะถึงกับโชคดีในโชคร้าย หลังจากที่แต่ละเส้นต่อเข้าด้วยกันก็บรรลุถึงสภาวะแดนสว่างชั้นสูงสุด
ว่านพั่วจวินในตอนนี้ ไม่ใช่นักบู๊แปดดาวคนหนึ่งอีกต่อไป เขาได้เข้าสู่ดินแดนสว่างชั้นสูงสุดไปแล้ว
อาจารย์ของเขา จากนักบู๊แปดดาวมาถึงแดนสว่างชั้นสูงสุด ใช้เวลาสิบกว่าปี
แต่เมื่อเขาอยู่ภายใต้การช่วยเหลือของเย่เฉิน กลับใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที!
พริบตาก็เลื่อนขั้นอย่างมโหฬารขนาดนี้ ทำให้ภายในใจเขาหวาดหวั่นเหลือจะกล่าว ถึงขั้นที่ว่ามีความรู้สึกราวกับอยู่อีกโลกหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
หากเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเองจริงๆ เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าบนโลกใบนี้จะถึงกับยังมีความสามารถที่แข็งแกร่งขนาดนี้
เขาสามารถรับรู้ได้ถึงพลังที่เย่เฉินใช้ มันเป็นพลังชนิดหนึ่งที่มหัศจรรย์และแข็งแกร่งกว่าพลังภายในมากมายนัก
นี่ทำให้เขาคิดถึงคำพูดที่อาจารย์ตนเคยพูดในปีนั้น เขาบอกว่าบนโลกใบนี้ นักบู๊เป็นเพียงผู้ที่มีพลังขั้นต่ำที่สุดที่อยู่เหนือคนทั่วไปเท่านั้น
ที่อยู่เหนือกว่านักบู๊ ยังมีระบบพลังที่อยู่เหนือและห่างชั้นกว่าศิลปะการต่อสู้มากมายนัก นี่สำหรับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้แล้วเป็นไปได้มากว่าตลอดชีวิตอาจไม่มีโอกาสได้สัมผัสมัน
อันที่จริงเย่เฉินไม่ได้คิดจะช่วยว่านพั่วจวินเลื่อนขั้นผลการฝึกฝน เพียงแต่เส้นลมปราณของเขาเดิมทีแม้ว่าจะบรรลุถึงเส้นที่แปดแล้ว แต่พื้นฐานก็ยังไม่สามารถเข้าสู่แดนสว่างชั้นสูงสุดได้อย่างสมบูรณ์
เสียหายจากนั้นก็สร้างใหม่หนนี้ ทำให้เส้นลมปราณทั้งหมดสร้างชี่แท้ขึ้นมา
ทว่าเย่เฉินกลับไม่ได้ช่วยเหลือว่านพั่วจวินฟรีๆ
เพราะนับตั้งแต่วันนี้ไป ว่านพั่วจวินไม่ได้มีชีวิตเป็นของตนเองอีกแล้ว
เพราะว่าเวลาและกำลังทั้งหมดในชีวิตที่เหลืออยู่ของเขา ล้วนนำมาใช้เพื่อภักดีต่อเย่เฉิน
ดังนั้นเย่เฉินจึงมองเขา แล้วพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “นายจำคำพูดนี้ของตัวเองเอาไว้ให้ดีก็พอ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ฉันสามารถมอบโอกาสให้นายได้ครั้งหนึ่ง ก็สามารถตีนายให้กลับไปอยู่ในสภาพเดิมได้เช่นกัน!”
ว่านพั่วจวินพูดโพล่งออกมาด้วยความศรัทธาเป็นที่ยิ่ง “คุณเย่วางใจได้! หากอนาคตผมผิดวาจา จะต้องตายอย่างไร้ที่กลบฝัง!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...