ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 3454

เมื่อว่านพั่วจวินได้ยินที่เย่เฉินเอ่ย ก็ถามด้วยความอยากรู้: “คุณเย่ คุณกะว่าจะเจรจากับพวกเขายังไงเหรอ? ผมกังวลว่าตอนนี้พวกเขาจะไม่เชื่อสำนักว่านหลงอีก...”

เมื่อก่อนหน้านี้ ขณะที่เย่เฉินเป็นตัวแทนฮามิดไปเจรจากับทหารรัฐบาล ก็ตราหน้าว่าสำนักว่านหลงต้องการจะเป็นกาฝากอยู่ส่วนในของซีเรีย ดังนั้นฝั่งทางซีเรียจึงเกลียดสำนักว่านหลงเข้ากระดูกดำ ไม่งั้นก็คงไม่จับทหารของสำนักว่านหลงจำนวนหมื่นห้านายไว้ทั้งหมด

ครั้งเย่เฉินกลับไม่คิดว่ามันคือปัญหา เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ: “ขอแค่จับความคาดหวังทางจิตของฝ่ายนั้นไว้ได้ ก็สามารถเจรจาสำเร็จสูง ถึงยังไงบนโลกนี้ก็ไม่มีศัตรูตลอดกาลหรอก ทุกอย่างยังต้องดูด้วยว่าผลประโยชน์ในนั้นมากน้อยแค่ไหน”

สิ้นเสียง เย่เฉินก็เอ่ยขึ้นอีก: “ตอนนี้ สถานการณ์ของพวกเขามีความเปลี่ยนแปลงเยอะมากๆ กองกำลังติดอาวุธที่เป็นกบฏอย่างฮามิดนี้ การป้องกันในตอนนี้จะต้องเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่าว่าแต่พวกเขาเลน ต่อให้เป็นสำนักว่านหลงของพวกนาย ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีอาวุธหนักใดๆ หากต้องการที่จะล้มฮามิดนั้น เป็นการฝันกลางวันชัดๆ ”

“อีกทั้ง กบฏกองกำลังติดอาวุธอื่นๆ ก็เริ่มเรียนรู้จากคนอื่น ลอกเลียนแบบรูปแบบของฮามิด เริ่มที่จะขุดถ้ำลึก สะสมอาหาร และเพิ่มการป้องกันภายในให้เข้มแข็งไป พร้อมทั้งก่อสร้างป้อมปราการกักตุนกระสุนและอื่นๆ จำนวนมากไปด้วย

“ดังนั้นสิ่งที่สามารถคาดเดาไว้ในอนาคตก็คือ ทางฝั่งทหารรัฐบาลทำอะไรกับฝ่ายกบฏไม่ได้ ทว่าฝั่งฝ่ายกบฏก็ไม่มีความสามารถที่จะหนีออกจากป้อมอันแข็งแกร่ง รวมถึงการสู้รบที่ดุเดือดจากภายนอกได้ ดังนั้นลำดับต่อไปพวกเขาจะต้องเข้าสู่สภาวะอิ่มตัวที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็จนปัญญาทั้งคู่แน่นอน”

พูดถึงตรงนี้ เย่เฉินเอ่ยต่อด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม: “ในกรณีที่ทั้งคู่อยู่ในสภาวะอิ่มตัว ทางฝั่งทหารรัฐบาลถือว่าขาดความรู้สึกปลอดภัย เพราะถึงยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะมุดหัวอยู่ในกระดองที่ป้อมภูเขาได้ ยังต้องเฝ้ารักษาการณ์ที่เมืองหลวงกันต่อไป ต้องเฝ้าระวังในเมืองใหญ่ต่างๆ รวมทั้งคอขวดจราจรด้วย หมิหนำซ้ำพื้นที่ดังกล่าวก็ล้วนเป็นสถานที่ที่โจมตีง่ายแต่รักษาเอาไว้ยาก ดังนั้นพวกเขาจะต้องถูกล้อมไว้อย่างไม่ปลอดภัยเป็นเวลานาน และยิ่งเป็นแบบนี้พวกเขาก็ยิ่งต้องการการันตีเรื่องความปลอดภัยภายนอกด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน