เมื่อว่านพั่วจวินได้ยินที่เย่เฉินเอ่ย ก็ถามด้วยความอยากรู้: “คุณเย่ คุณกะว่าจะเจรจากับพวกเขายังไงเหรอ? ผมกังวลว่าตอนนี้พวกเขาจะไม่เชื่อสำนักว่านหลงอีก...”
เมื่อก่อนหน้านี้ ขณะที่เย่เฉินเป็นตัวแทนฮามิดไปเจรจากับทหารรัฐบาล ก็ตราหน้าว่าสำนักว่านหลงต้องการจะเป็นกาฝากอยู่ส่วนในของซีเรีย ดังนั้นฝั่งทางซีเรียจึงเกลียดสำนักว่านหลงเข้ากระดูกดำ ไม่งั้นก็คงไม่จับทหารของสำนักว่านหลงจำนวนหมื่นห้านายไว้ทั้งหมด
ครั้งเย่เฉินกลับไม่คิดว่ามันคือปัญหา เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ: “ขอแค่จับความคาดหวังทางจิตของฝ่ายนั้นไว้ได้ ก็สามารถเจรจาสำเร็จสูง ถึงยังไงบนโลกนี้ก็ไม่มีศัตรูตลอดกาลหรอก ทุกอย่างยังต้องดูด้วยว่าผลประโยชน์ในนั้นมากน้อยแค่ไหน”
สิ้นเสียง เย่เฉินก็เอ่ยขึ้นอีก: “ตอนนี้ สถานการณ์ของพวกเขามีความเปลี่ยนแปลงเยอะมากๆ กองกำลังติดอาวุธที่เป็นกบฏอย่างฮามิดนี้ การป้องกันในตอนนี้จะต้องเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่าว่าแต่พวกเขาเลน ต่อให้เป็นสำนักว่านหลงของพวกนาย ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีอาวุธหนักใดๆ หากต้องการที่จะล้มฮามิดนั้น เป็นการฝันกลางวันชัดๆ ”
“อีกทั้ง กบฏกองกำลังติดอาวุธอื่นๆ ก็เริ่มเรียนรู้จากคนอื่น ลอกเลียนแบบรูปแบบของฮามิด เริ่มที่จะขุดถ้ำลึก สะสมอาหาร และเพิ่มการป้องกันภายในให้เข้มแข็งไป พร้อมทั้งก่อสร้างป้อมปราการกักตุนกระสุนและอื่นๆ จำนวนมากไปด้วย
“ดังนั้นสิ่งที่สามารถคาดเดาไว้ในอนาคตก็คือ ทางฝั่งทหารรัฐบาลทำอะไรกับฝ่ายกบฏไม่ได้ ทว่าฝั่งฝ่ายกบฏก็ไม่มีความสามารถที่จะหนีออกจากป้อมอันแข็งแกร่ง รวมถึงการสู้รบที่ดุเดือดจากภายนอกได้ ดังนั้นลำดับต่อไปพวกเขาจะต้องเข้าสู่สภาวะอิ่มตัวที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็จนปัญญาทั้งคู่แน่นอน”
พูดถึงตรงนี้ เย่เฉินเอ่ยต่อด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม: “ในกรณีที่ทั้งคู่อยู่ในสภาวะอิ่มตัว ทางฝั่งทหารรัฐบาลถือว่าขาดความรู้สึกปลอดภัย เพราะถึงยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะมุดหัวอยู่ในกระดองที่ป้อมภูเขาได้ ยังต้องเฝ้ารักษาการณ์ที่เมืองหลวงกันต่อไป ต้องเฝ้าระวังในเมืองใหญ่ต่างๆ รวมทั้งคอขวดจราจรด้วย หมิหนำซ้ำพื้นที่ดังกล่าวก็ล้วนเป็นสถานที่ที่โจมตีง่ายแต่รักษาเอาไว้ยาก ดังนั้นพวกเขาจะต้องถูกล้อมไว้อย่างไม่ปลอดภัยเป็นเวลานาน และยิ่งเป็นแบบนี้พวกเขาก็ยิ่งต้องการการันตีเรื่องความปลอดภัยภายนอกด้วย
ว่านพั่วจวินเข้าใจสถานการณ์อัฟกานิสถานเป็นอย่างดี เขาพยักหน้าหงึกๆ เอ่ยว่า: “ก็อย่างที่คุณพูด ผมคิดว่าตอนนนี้ซีเรียต้องเร่งยกระดับความปลอดภัยโดยด่วน ถ้าเจรจากับพวกเขาดีๆ ละก็ เรื่องสร้างฐานน่าจะสามารถเป็นจริงได้”
สิ้นเสียง ว่านพั่วจวินก็เอ่ยด้วยความเศร้า: “หลายปีมานี้ กระผมอยากหาสถานที่ปักรกรากที่เหมาะสมให้สำนักว่านหลงมาโดยตลอด เพียงแค่ว่าพยายามมาตั้งหลายปีก็ไม่สามารถทำให้ความปรารถนานี้เป็นจริงได้เสียที...”
เย่เฉินยิ้มเบาๆ ปริปากเอ่ยว่า: “ถ้างั้นครั้งนี้ฉันจะพยายามช่วยจัดการปัญหานี้ให้พวกนายเต็มที่”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...