เย่เฉินถามเขาด้วยรอยยิ้มว่า: “พี่ชายเคยได้ยินเกี่ยวกับการกระทำก่อนหน้านี้ของสำนักว่านหลงหรือเปล่า?”
ฮามิดเกาหัว: “สถานที่ที่ฉันอยู่ข้อมูลค่อนข้างปิดกั้น จนกระทั่งนายบอกว่าจะพาว่านพั่วจวินมาเจรจา ฉันถึงได้สอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของสำนักว่านหลง ได้ยินมาว่าพวกเขาได้ยึดครองตระกูลใหญ่ชั้นนำที่ไม่เป็นรองใครของหัวเซี่ยบีบบังคับให้ตระกูลนั้นสละทรัพย์สินครึ่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าจริงหรือปลอม?”
เย่เฉินพูดอย่างแข็งแกร่งไม่ยอมถอย: “อันที่จริงพวกเขาไม่ได้ยึดครองตระกูลไหน แต่ตระกูลที่ถูกยึดครอง และฉัน ก็คือผู้นำของตระกูลนั้น”
จากนั้น เย่เฉินก็หันหน้ามา มองดูใบหน้าที่ตกตะลึงของฮามิด และพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “พี่ชาย มีสำนักว่านหลงอยู่ พี่ก็เป็นเจ้าสัวของพี่ด้วยความสบาย ไม่มีใครทำอะไรพี่ได้”
ฮามิดดึงสติกลับมา และรีบพูดว่า: “น้องชาย พูดตามตรง ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าต่อไปจะพัฒนาได้ยังไง นายสามารถชี้นำทางให้กับฉันได้มั้ย?”
เย่เฉินพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “นี่มีอะไรไม่เข้าใจ? ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ของพี่ มอบให้พี่สิบคำ”
ฮามิดรีบถาม: “สิบคำไหน?”
เย่เฉินหุบยิ้ม และพูดอย่างจริงจังว่า: “นั่งภูชมเสือกัดกันและร่ำรวยอย่างถ่อมตน! (นั่งภูชมเสือกัดกัน หมายถึง นั่งชมสองฝ่ายที่รบกันรอจนทั้งสองฝ่ายพลั้งพลาดแล้วค่อยเข้าไปเก็บเกี่ยวผลประโยชน์)”
ในปากของฮามิดเองก็พึมพำสิบคำนี้รอบหนึ่ง ดูเหมือนจะมีความรู้สึกวันมืดมิดได้พบกับความหวัง แต่ก็เหมือนกับค่อนข้างไม่ค่อยชัดเจน
ดังนั้น เขาถามด้วยท่าทีที่นอบน้อมว่า: “น้องชาย ให้ฉันเป็นกลางฉันไม่คัดค้านอะไร แต่ฉันกลัวว่าพวกเขาจะทยอยทำลายเพื่อร่วมงานเหล่านั้นของฉัน สุดท้ายก็เหลือฉันเพียงคนเดียว ถึงเวลานั้นพวกเขาคงจะไม่มีทางยอมฉันแน่!”
เย่เฉินพยักหน้า และเอ่ยปากพูดว่า: “ดังนั้น นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมฉันต้องคุยกับพี่ตามลำพัง”
ฮามิดรู้ว่าเย่เฉินยังคงมีอะไรที่จะกำชับตัวเองเป็นการส่วนตัวเองอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงรีบพูดว่า: “น้องชาย ขอคำชี้แนะด้วย!”
เย่เฉินถามเขาว่า: “กองกำลังติดอาวุธอย่างพวกพี่ งบประมาณประจำวันมาจากไหน?”
ฮามิดพูดอธิบายว่า: “งบประมาณส่วนใหญ่อาศัยความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ส่วนน้อยที่จะอาศัยทรัพยากรและผลผลิตบางส่วนจากในพื้นที่ควบคุม ตัวอย่างเช่นพวกอาหารและน้ำมันดิบ สามารถอาศัยสร้างรายได้เล็กน้อยด้วยการขายวัสดุเหล่านี้”
เย่เฉินพยักหน้า และกล่าวว่า: “งั้นพี่ก็ใช้กองกำลังวิศวกรรมข้างล่างของพี่ทำข้อตกลงกับพวกเขา ช่วยพวกเขาสร้างโครงสร้างพื้นฐานในราคาที่ต่ำหน่อย ถ้าหากพวกเขาไม่มีเงิน งั้นก็ให้พวกเขาเอาอาหารและน้ำมันดิบมาแลก”
หลังจากพูดแล้ว เย่เฉินสั่งอีกครั้ง: “ถ้ากองกำลังวิศวกรรมของพี่ช่วยพวกเขาสร้างฐานทัพ พี่จำไว้ว่าต้องแต่งตัวพวกเขาเป็นบริษัทก่อสร้างพลเรือน แบบนี้ให้เกียรติกับซัยยิตบ้าง และงานผิวเผินบางอย่างก็ยังต้องทำให้เสร็จ”
“ฉันเข้าใจแล้ว!”ฮามิดพูดอย่างค่อนข้างตื่นเต้นว่า: “ฉันจะรีบเร่งจัดการเรื่องนี้!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...