แต่ว่า หลังจากที่เดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆเขาก็นึกถึงคำพูดก่อนที่เว่ยเลี่ยงจะจากไป
ดังนั้น ในใจของเขาก็ถามตัวของเองว่า: “คนจีนคนนั้นดูเหมือนจะพูดถูก ทำไมเขาต้องใช้เวลามากมายบินข้ามครึ่งซีกโลกมาเสียเงินห้าหมื่นดอลลาร์สหรัฐมาพูดเรื่องไร้สาระกับฉันด้วย?”
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็รีบหันกลับมา
เมื่อเห็นว่านักปฏิบัติการประชาสัมพันธ์คนนั้นกำลังจะเอาถังขยะออกไป ก็รีบโพล่งออกมาว่า: “อย่าขยับ! วางถังขยะลง!”
นักปฏิบัติการประชาสัมพันธ์ถามด้วยความประหลาดใจ: “คุณสมิธ…….คุณ…….คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
สมิธก้าวใหญ่เดินไปตรงหน้าของเขา คว้าถังขยะจากมือของเขาทันที ต่อจากนั้นหยิบยาเกิดใหม่เก้าเสวียนกล่องนั้นออกมา และออกจากร้านอาหารไปพร้อมกับกล่องยานั้น
ในเวลานี้นอกร้านอาหาร ไม่เห็นเงาของเว่ยเลี่ยงแล้ว
หนึ่งนาทีก่อนหน้านี้ เว่ยเลี่ยงนั่งรถแท็กซี่ และมุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่จองไว้ในตัวเมืองของวอนชิงตัน
ในใจของเขารู้ดีว่า คนดื้อรั้นอย่างสมิธ เป็นไปได้สูงว่าจะจัดการไม่ได้
ดังนั้น เขาจำเป็นต้องรีบคิดหาทาง ไปใช้แผนการที่สองของเย่เฉิน
นั่นก็คือคิดหาทางตามหาดาราที่รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองในสหรัฐอเมริกา ยิ่งไปกว่านั้นต้องเป็นดาราที่ป่วยเป็นมะเร็งแล้ว
ในรถแท็กซี่ที่ไปโรงแรม เขาเริ่มใช้โทรศัพท์ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องแล้ว หวังว่าสามารถที่จะหาเป้าหมายทดสอบที่เหมาะสมที่สุดได้หนึ่งคน
เขาค้นหาไปด้วย ยังรู้สึกโกรธจัดกับท่าทีเมื่อกี้นี้ของสมิธไปด้วย และอดไม่ได้ที่จะบ่นด้วยเสียงต่ำๆว่า: “คนคนนี้มีตาหามีแววไม่จริงๆ ขนาดยาวิเศษของอาจารย์เย่ผลิตด้วยตัวเองก็ไม่เชื่อ ฉันบินมาหนึ่งหมื่นกิโลเมตร อยากจะนำโชคที่หลายคนใฝ่ฝันมาแสนนานมาให้แก แต่แกดันไม่เอา ไม่รู้จริงๆว่าแกจะเสียใจยังไงในอนาคต…….”
ในเวลาเดียวกัน เจมส์ สมิธก็นั่งอยู่ในรถของตัวเองแล้ว เขาไม่ได้เร่งรีบสตาร์ตรถในทันที แต่เอายาเกิดใหม่เก้าเสวียนมาไว้ในมือและตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำอีก
ต่อจากนั้น เขาถึงได้พบว่า ลูกชายในห้องผู้ป่วย ถูกใส่เครื่องช่วยหายใจ
แม้ว่าอาการป่วยของลูกชายจะค่อนข้างรุนแรง แต่ก็ไม่มีปัญหากับระบบทางเดินหายใจมากนัก ดังนั้นยังไม่ร้ายแรงถึงขั้นที่จะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่ออกไปเมื่อกี้นี้ ลูกชายค่อนข้างเสียสติเพราะว่าสูญเสียการได้ยิน หมอจึงฉีดยาระงับประสาทขนาดที่ปลอดภัยให้กับเขา เขานอนหลับตัวเองถึงได้ออกไป ดังนั้นเขาไม่เข้าใจว่าทำไมลูกชายถึงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจขณะที่นอนหลับ
ดังนั้นเขาจึงรีบถามภรรยาของตัวเองว่า: “เจนนี่ จิมมี่ใส่เครื่องช่วยหายใจทำไม?”
เจนนี่ สมิธภรรยาของเขาก็พูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า: “หมอบอกว่าการทำงานระบบร่างกายเขาลดลงอย่างรวดเร็ว ออกซิเจนในเลือดก็ลดลง ดังนั้นถึงได้ใส่เครื่องช่วยหายใจ”
ขณะที่พูดนั้น เขาค่อนข้างควบคุมไม่ได้ และพูดทั้งน้ำตาว่า: “เจมส์……คุณหมอบอกว่า จิมมี่อาจจะเหลือเวลาไม่มากนัก…….”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...