เรื่องที่ทำเนียบขาวต้องการกรรมสิทธิ์ของยาเกิดใหม่เก้าเสวียน ในมุมมองของสมิธ มันทั้งเหนือความคาดหมาย และสมเหตุสมผล
ถ้าหากกระทรวงสาธารณสุขรายงานข้อมูลนี้ให้ทำเนียบขาวทราบ พวกเขาก็คงไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปอยู่แล้ว
แต่ว่า จะได้กรรมสิทธิ์มาครอบครองหรือเปล่า นั่นไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาสามารถตัดสินใจได้
ยาชนิดนี้ ก็เหมือนเครื่องผลิตแบงค์ ตราบใดที่เจ้าของของมันมองการณ์ไกล ก็ไม่มีทางยอมขายกรรมสิทธิ์ออกไปแน่นอน
แต่สมิธเองก็ไม่ได้ดับฝันคนในสาย แต่กลับตอบตกลงอย่างรวดเร็วว่า “รอให้ผมได้เจออีกฝ่ายก่อนแล้วกัน ผมจะพยายามผลักดันเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด”
ขณะที่พูด สมิธก็เอ่ยขึ้นมาอีกว่า “แต่ว่า เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ผมแค่คนเดียวคงรับมือไม่ไหวหรอก ให้ทางทำเนียบขาวส่งผู้เชี่ยวชาญมาเจรจาช่วยได้ไหม?”
หัวหน้ากระทรวงปฏิเสธในทันที “เรื่องแบบนี้ทำเนียบขาวไม่สามารถออกตัวตรงๆได้ ถ้าหากข่าวหลุดออกไปมันจะทำให้คนเข้าใจผิดว่าทำเนียบขาวต้องการยึดอำนาจในด้านการแพทย์เอาได้ ถ้าหากรัฐบาลของแต่ละประเทศทั่วโลกแทรกแซงเข้ามา คงผลักดันเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายๆ”
อีกฝ่ายกำชับออกมาอีกว่า “คุณไปครั้งนี้ ลองหยั่งเชิงท่าทีของอีกฝ่ายไปก่อนแล้วกัน ถ้าหากฝ่ายนั้นดูสนใจ แต่ราคาที่เสนอมาค่อนข้างเยอะ ผมจะให้ผู้ดูแลเฉียงเซิงโทรไปให้พวกเขาออกหน้าซื้อกรรมสิทธิ์นั้นมา”
สมิธแอบเดาะลิ้นเบาๆ คิดในใจว่า “ทำเนียบขาวกระทำเรื่องนี้ได้อย่างมีชั้นเชิงจริงๆ พวกเขาทราบข่าวนี้ก่อน แล้วค่อยส่งไม้ต่อให้บริษัทแนวหน้าอย่างเฉียงเซิงเดินเรื่องต่อ ถ้าหากเฉียงเซิงได้กรรมสิทธิ์นี้มาครอบครอง แบบนั้นจะไม่เหมือนบินได้เลยเหรอ?”
ในตอนนี้เอง อีกฝ่ายก็ออกคำสั่งกับเขาต่อว่า “สมิธ ต้องหาทางผลักดันเรื่องนี้ให้ลงตัวนะ เมื่อใดที่กรรมสิทธิ์กลายมาเป็นของอเมริกาได้สำเร็จ เปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งของยอดขายที่เฉียงเซิงได้รับในแต่ละปีก็จะถูกแบ่งให้คอนเน็คชันทั้งหลาย รวมไปถึงคุณกับผมด้วย มันคือเค้กก้อนใหญ่เลยนะ!”
ได้ยินแบบนั้นสมิธก็อดช็อกไม่ได้
ถ้าหากยาชนิดนี้มีโอกาสวางขายในตลาด ยอดขายแสนล้านดอลล่าต่อปีก็คงได้มาอย่างสบายๆ ถ้าหากแยกส่วนแบ่งออกมา อย่างน้อยก็น่าจะประมาณพันล้านดอลล่า
ถ้านำส่วนแบ่งประมาณพันล้านดอลล่ามาแบ่งให้คอนเน็คชันล่ะก็ ส่วนของเขาน่าจะอยู่ขอบๆ คำนวนดูคงอยู่ที่หลักร้อยล้าน
คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ไหว รีบพูดว่า “ผมจะพยายามจัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จ!”
เพราะถึงอย่างไรเขาก็เกิดมาพร้อมหลักวิชาการ จึงเคารพเรื่องกรรมสิทธิ์ด้านการแพทย์และยามากๆ ก็เหมือนที่นักเขียนเคารพลิขสิทธิ์มากๆนั่นแหละ
ให้เขามีส่วนร่วมในการขโมยกรรมสิทธิ์ยาแบบนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับให้นักเขียนที่มีผลงานมาหลายปี และมีความลึกซึ้งกับงานเขียนมากๆไปขโมยไอเดียชาวบ้านเขามา
เรื่องนี้ เขาไม่อยากมีส่วนร่วมเลยจริงๆ
แต่กระนั้น เขาก็ทำได้เพียงตอบกลับไปว่า “ผมรู้แล้ว ผมจะพยายามหาทางเอากรรมสิทธิ์มาให้ได้ ถ้ามีความคืบหน้าอะไรผมจะแจ้งคุณเป็นอันดับแรก”
อีกฝ่ายเองไม่ได้พูดอะไรมากมาย เอ่ยกำชับว่า “ถ้ามีความคืบหน้าให้รีบติดต่อผมทันที”
“ครับ”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...