เย่เฉินถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านล่าย เคยพบแม่ผมหรือ?”
“เคยพบ” ล่ายชิงหวาพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวอย่างจริงจังว่า “คุณชายเย่ ความจริงแล้ว ผมเป็นเพื่อนตาทวดของคุณมาหลายปีแล้ว ตอนที่พวกเรารู้จักกัน ตาทวดของคุณยังหนุ่ม ครั้งหนึ่งผมเคยได้รับเชิญจากตาทวดของคุณไปร่วมงานเลี้ยงคบเดือนของแม่คุณ”
ตาทวดของเย่เฉิน ซึ่งเป็นพ่อตาของพ่อเย่เฉิน และเป็นผู้ก่อตั้งตระกูลอาน
อย่างไรก็ตาม เย่เฉินไม่เคยเห็นตาทวดคนนี้มาก่อน เพราะตอนที่เขาเสียชีวิตนั้นเย่เฉินยังไม่เกิด
เมื่อได้ยินคำพูดของท่านล่าย เย่เฉินถามด้วยความประหลาดใจว่า “ท่านล่าย คุณเป็นเพื่อนกับตาทวดของผมหรือ”
“ใช่” ล่ายชิงหวายิ้มเบา ๆ และอธิบายว่า “ตาทวดของคุณอายุพอ ๆ กับผม ผมรู้จักเขาในปี 2481 ตอนนั้นผมนั่งเรือลำเดียวกับเขาไปอเมริกา พวกเราสองคนเจอกันครั้งแรกก็รู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนกันมานาน พวกเราขจัดปัญหานานาประการและก้าวเดินไปด้วยกัน สนับสนุนกันและกัน ซึ่งสามารถถือได้ว่าเป็นเพื่อนสนิท”
“ที่แท้เป็นเช่นเอง!” เย่เฉินกล่าว หลังจากนั้นเขายืนขึ้น ประสานมือและโค้งคำนับให้ล่ายชิงหวา
ล่ายชิงหวารีบลุกขึ้นและกล่าวด้วยอึดอัดว่า “คุณชายเย่ คุณคือดวงชะตามังกร คุณจะคำนับผมได้อย่างไร.....ผมควรจะเป็นฝ่ายคำนับคุณมากกว่า!”
เย่เฉินกล่าวอย่างจริงจัง “คุณและตาทวดของผมเป็นเพื่อนสนิทกัน และแน่นอนว่าคุณนั้นเป็นผู้อาวุโสของผมด้วย ผมในฐานะรุ่นหลาน การที่ผมคำนับคุณนั้นเป็นเรื่องที่สมควร!”
ล่ายชิงหวากล่าวอย่างจริงจังว่า “อาจารย์เย่ ผมเชื่อเรื่องพรหมลิขิตแห่งสวรรค์ ตามดวงชะตาแล้ว คุณคือจักรพรรค และผมเป็นขุนนาง แม้ว่าผมจะอายุเกินร้อยปีแล้ว แต่อยู่ต่อหน้าคุณ ผมยังคงเป็นขุนนาง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน