อานโฉงชิวพยักหน้าและกล่าวว่า "ใช้ไปหาเงินไปไง ในปีก่อนๆรายได้จากกองทุนทรัสต์นั้นสูงมาก เป็นเรื่องปกติที่จะได้รับกำไรมากกว่าสิบจุดต่อปี นอกจากนี้มันยังเป็นดอกเบี้ยแบบทบต้น ดังนั้นยิ่งหมุนเวียนไปก็ยิ่งมากขึ้นโดยธรรมชาติ"
พูดถึงตรงนี้ อานโฉงชิวก็กล่าวเสริมว่า “ดังนั้น เมื่อนายฟังแล้วอาจดูเหมือนพวกเราโง่มากจนถึงขั้นดื้อรั้นและใช้เงินไปอย่างเปล่าประโยชน์ แต่ที่จริงแล้ว พวกเรากลับไม่ได้ใช้ทุนอะไรเลย และทุกอย่างก็มีคนไปทำให้โดยเฉพาะ ไม่จำเป็นต้องลงมือลงแรงเอง และเมื่อคิดคำนวณในตอนสุดท้าย อันที่จริงก็ยังมีกำไรอยู่”
หลี่ญ่าหลินยอมแล้ว เขาถอนหายใจและเอ่ย “กำไรหมุนกำไร เงินต่อเงิน ในยุคสงบ พวกนายคนมีเงินก็มั่งมีไปตลอดชั่วโคตร...”
พูดจบ เขาก็ยิ้มเยาะตัวเอง “ไม่เหมือนฉัน แค่รู้วิธีจับกุมคนและไขคดี ไม่มีหัวทางเศรษฐกิจเอาซะเลย”
อานโฉงชิวเอ่ยอย่างจริงจัง “ตามหลักแล้ว หากลูกหลานคนรวยรู้จักควบคุมมือตัวเองให้ดี อย่าเอาไปใช้สุรุ่ยสุร่าย แบบนั้นต่อให้คนรวยมีเงินแต่ร้อยล้านแล้วใส่ในกองทุนทรัสต์ มันก็ยังสามารถรับประกันได้ว่าลูกหลานของเขาจะไม่ขาดเงินใช้”
หลี่ญ่าหลินอดถอนหายใจไม่ได้ “หากหาตัวหลานชายของนายคนนั้นเจอแล้ว ค่าตัวของเขาไม่เพิ่มขึ้นไปเป็นสามสี่หมื่นล้านดอลลาร์เลยหรือไง?!”
“ไม่ใช่แค่นั้น” อานโฉงชิวเอ่ย “ตอนที่อาการของคุณพ่อหนักมากขึ้น เขากลัวว่าวันหนึ่งเขาจะเลอะเลือนและสูญเสียความสามารถในการตัดสินไป ดังนั้นเขาจึงเติมเงินกว่าหกหมื่นล้านลงในบัญชีเดียวจนเป็นแสนล้าน จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเงื่อนไขของกองทุนทรัสต์ว่าเงินต้นแสนล้านนี้ห้ามแตะต้องและเก็บไว้เพื่อหลานชายของฉันทั้งหมด และทำได้แค่เอากำไรประจำปีออกไปหาคน แต่ถึงอย่างนั้นกำไรต่อปีก็หลายพันล้านเหรียญไปแล้ว”
“ดังนั้น หากหาตัวหลานชายของฉันคนนั้นเจอละก็ ค่าตัวของเขาก็จะเพิ่มไปเป็นแสนล้าน!”
หลังจากฟังแล้ว หลี่ญ่าหลินก็จุดซิการ์ขึ้นมาและสูบช้าๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรง จัดคอเสื้อของเขาแล้วยิ้มพูดว่า "โฉงชิว นายคิดยังไงกับฉันในฐานะหลานชายของนาย?"
“ยังต้องพูดอีกเหรอ?” อานโฉงชิวกล่าวอย่างจริงจังว่า “พี่สาวของฉันเป็นคนที่ฉันชื่นชมมากที่สุดในชีวิต ถ้าสามารถหาหลานชายของฉันเจอ ฉันจะให้เขาหนึ่งหมื่นแปดพันแปดร้อยล้านกับเขา ข่ายเฟิง จาวหนาน โยวโยว พวกเขาทั้งสามคนเอง แต่ละคนก็คงให้ไม่น้อยกว่าหมื่นล้าน...หากลองคำนวณดูก็คงรวมกันเกือบสองแสนล้านแล้ว...”
หลี่ญ่าหลินหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก "หากรวมออกมาก็เป็นคนรวยที่สุดในโลกของ Forbes แล้ว..."
อานโฉงชิวกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "อันนั้นนับไม่ได้ หากจะนับเป็นคนที่รวยที่สุดในโลกจริงๆ อย่างนั้นคนที่อยู่อันดับหนึ่งในตอนนี้ก็ไม่สามารถแม้แต่จะติดสิบอันดับแรกได้ด้วยซ้ำ"
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฉงชิวก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและพูดกับตัวเองว่า "เฮ้อ เงินสองแสนล้านแล้วยังไงกัน? พูดไปแล้วฟังเหมือนมาก แต่ในช่วงเวลาวิกฤติกลับไม่สามารถซื้อยาอายุวัฒนะเม็ดหนึ่งได้ด้วยซ้ำ"

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...