ทันทีที่เย่เฉินพูดแบบนี้ สีหน้าของเฟ่ยซานไห่ก็เปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว
เขาจ้องไปที่เย่เฉิน และถามอย่างเย็นชาว่า “คนที่ลักพาตัวหลานชายของฉันไปคือคุณงั้นเหรอ?!”
เย่เฉินไม่ตอบ แต่ดันเก้าอี้ถอยหลังเล็กน้อย ยกขาขึ้นมานั่งในท่าไขว่ขา มองดูโต๊ะอาหารว่างเปล่า แล้วถามอย่างจางๆว่า “ไม่ใช่บอกว่าเชิญมาทานข้าวเหรอ? ทำไมไม่มีแม้แต่ถั่วลิสงจานเดียวเลย? หรือว่านี่ก็คือวิธีการต้อนรับแขกของตระกูลเฟ่ยพวกคุณงั้นเหรอ?”
เฟ่ยซานไห่ไม่คาดคิดเลยว่าเย่เฉินไม่เห็นตัวเองอยู่ในสายตาเลย และทุบโต๊ะอย่างโกรธจัด และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เจ้าหนู! นี่คือตระกูลเฟ่ย! ถ้ามึงไม่บอกกูมาตรงๆ ว่าหลานชายของฉันฮ่าวหยางอยู่ตรงไหนกันแน่ งั้นก็อย่าคิดที่จะออกจากประตูนี้ไปได้อย่างมีชีวิตอยู่!”
เฟ่ยเสวปิงก็โกรธมากเช่นกัน
เขาเคยโดนเย่เฉินต่อว่าหลายครั้งที่โรงแรมแมนชั่นมาก่อน และเขาได้จดจำความแค้นนี้ไว้ในใจมาโดยตลอด เขาไม่เคยคิดว่าเย่เฉินจะมาที่บ้านของตัวเองในตอนนี้ ยังไม่รู้จะกลับใจ และพูดโอ้อวด มันช่างเหลือทนจริงๆเลย!
ดังนั้น เขาจึงกัดฟันและพูดกับเย่เฉินว่า “เจ้าหนู! ถ้าคุณไม่พูดตามความจริง ฉันก็จะทำให้คุณตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน! ถ้าฉันตรวจสอบได้ว่า คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวลูกชายของฉันจริงๆ ฉันเฟ่ยเสวปิงขอสาบานต่อพระเจ้าว่า ฉันจะฆ่าทั้งครอบครัวของคุณอย่างแน่นอน!”
“ฆ่าทั้งครอบครัวของฉันงั้นเหรอ?” เย่เฉินยิ้มอย่างเหยียดหยาม และกล่าวว่า “เฟ่ยเสวปิง กลางวันแสกๆ ควรพูดเพ้อเจ้อให้น้อยลง อีกอย่างคุณต้องรู้ว่า มีคำกล่าวที่ว่าหายนะมักมาจากปาก!”
เฟ่ยเสวปิงโกรธด้วยทัศนคติที่เย่อหยิ่งของเย่เฉิน และตะโกนอย่างโกรธเคืองว่า “นี่คุณกำลังกลั่นแกล้งตระกูลเฟ่ยเราไม่มีคนงั้นเหรอ!”
หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ตะโกนทันทีว่า “จางชวน!”
ทันทีที่เสียงสิ้น ชายวัยกลางคนก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูอย่างรวดเร็ว และพูดด้วยความเคารพด้วยมือของเขาว่า “คุณชายใหญ่มีอะไรให้รับใช้เหรอครับ?”
ในเวลานี้ ก็คือบอดี้การ์ดส่วนตัวของเฟ่ยซานไห่และเฟ่ยเสวปิง น้องศิษย์ของหยวนจื่อซู จางชวน
แม้ว่าจางชวนจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับหยวนจื่อซู แต่ในบรรดาบอดี้การ์ดทั้งหมดในปัจจุบันของตระกูลเฟ่ย เขาก็เป็นบอดี้การ์ดระดับสูงสุดแน่นอน
เฟ่ยเสวปิงไม่สามารถทนต่อเย่เฉินได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงชี้ไปที่เย่เฉินและตะโกนใส่จางชวนว่า “ตัดหูของเขาซะ ช่วยแก้แค้นให้ลูกชายของฉันฮ่าวหยาง!”
เย่เฉินไม่ได้มองไปที่จางชวนแม้แต่สายตาเดียวเลยในเวลานี้ จนกระทั่งจางชวนพุ่งเข้าถึงตรวหน้าตัวเอง ถึงจะลงมืออย่างกะทันหัน
เห็นเพียงเย่เฉินลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว คว้าคอเสื้อของจางชวนอย่างง่ายดายด้วยมือซ้าย จากนั้นก็โบกมืออย่างกะทันหัน และตบเข้าที่ใบหน้าจางชวนด้วยมือขวาโดยตรง
จางชวนตกตะลึงไปทั้งคนเลย
ตัวเองเป็นถึงนักบู๊ห้าดาว ภายใต้ผลกระทบอย่างกะทันหัน แม้ว่าศิษย์พี่หยวนจื่อซูจะอยู่ที่นี่ เขาก็ต้องใช้กำลังทั้งหมดในตัวเขาถึงจะสามารถต้านทานได้
อย่างไรก็ตาม ต่อหน้าชายหนุ่มคนนี้ ตัวเองก็เป็นเหมือนไอ้คนไร้ประโยชน์ และถูกเขาคว้าปลอกคอไว้อย่างง่ายดายเช่นนี้ จากนั้น พลังภายในของตัวเองก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที
ก่อนที่เขาจะฟื้นจากอาการช็อกได้ ก็มีการตบเข้ามาโดยตรงอีกครั้ง เกิดเสียงที่คมชัดขึ้นมา
พัฟ..........

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...