ในเวลานี้ เฉินจ้างโจงยกอาหารสองจานขึ้นมา จานหนึ่งคือห่านย่างกวางตุ้งอันขึ้นชื่อ และอีกจานคือรวมอาหารจานตุ๋น
เขาวางอาหารไว้ข้างหน้าเย่เฉินและกู้ชิวอี๋ ก่อนจะกระซิบกับพวกเขาว่า “คุณชายเย่ คุณหนูกู้ มีลูกค้าเก่าแก่คนหนึ่งมาที่ร้าน หลี่ญ่าหลินนักสืบชาวจีนก็มาด้วย พวกคุณอย่าเพิ่งลงไปตอนนี้เลย"
เย่เฉินรีบถาม “ลุงโจง หลี่ญ่าหลินจำคุณไม่ได้ใช่ไหม?”
"ไม่" เฉินจ้างโจงเอ่ย "วันนั้นรูปลักษณ์ของผมแตกต่างไปจากปกติมาก นอกจากนี้วันนั้นก็แค่พบหน้ากันเพียงครั้งเดียว เขาเองก็อาจจะจำผมไม่ได้ นอกจากนี้เมื่อครู่ผมยังลองหยั่งเชิงดูแล้ว เขาจำผมไม่ได้จริงๆ ไม่จะไม่มีปัญหาอะไร”
"อย่างนั้นก็ดีแล้ว" เย่เฉินโล่งใจเล็กน้อย แล้วถามด้วยความสงสัย “ลุงโจง คุณรู้จักชายวัยกลางคนที่มากับหลี่ญ่าหลินไหม?”
เฉินจ้างโจงเอ่ย "ผมรู้จักเขามานานแล้ว เขาเป็นลูกค้าประจำที่ร้านเรา อย่างไรก็ตามผมไม่ค่อยรู้แน่ชัดเกี่ยวกับตัวตนของเขา แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยพูดอะไรเลย และผมก็ไม่เคยถามถึงเรื่องนี้"
พูดไป เขาก็เอ่ยเสริมขึ้น “แต่ฉันเดาว่าตัวตนของเขาจะต้องพิเศษอย่างมาก น่าจะเป็นผู้ชายที่มีภูมิหลังมากมาย”
จากนั้นเฉินจ้างโจงก็ถามเย่เฉินว่า “คุณชายเย่ คุณรู้จักชายผู้นั้นหรือ?”
เย่เฉินลังเลในใจ ก่อนจะตัดสินใจยังไม่บอกเฉินจ้างโจงในตอนนี้ นั่นเพราะน้าชายใหญ่ของเขาอยู่ชั้นล่างในเวลานี้ ถ้าเฉินจ้างโจงตกใจมากเกินไปเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขาอาจจะเปิดเผยอะไรบางอย่างออกไปได้
ดังนั้นเขาจึงยิ้มและพูดกับเฉินจ้างโจงว่า “ผมเองก็ไม่รู้จักเขาเหมือนกัน แค่ถามไปเรื่อยเปื่อย ลุงโจง คุณลงไปทำธุระเถอะ ไม่ต้องสนใจพวกเรา อีกเดี๋ยวให้พนักงานนำอาหารมาให้พวกเราก็พอแล้ว”
หลี่ญ่าหลินถอนหายใจ "เฮ้อ! ฉันคิดว่าตระกูลเฟ่ยจะร่วมมือกับเราหลังจากที่พวกเขารับรู้ถึงวิกฤติ แต่ผลคือฉันดันเข้าไปแส่หาเรื่อง ตอนนี้ก็เหลือเวลานับจากที่ผู้ลักพาตัวออกแถลงการณ์ไป 48 ชั่วโมงไม่มากแล้ว คดีนี้ดูท่าคงแก้ไม่ได้แล้ว"
อานโฉงชิวเอ่ย "คนอาจกลับมาไม่ได้แล้ว แต่ฉันคิดว่าคดียังสามารถแก้ไขได้ แม้ว่าจะไม่สามารถแก้ไขได้ในสามวันห้าวัน แต่หากสืบหาไปสามเดือนหาเดือน หรือสามปีห้าปี ก็ต้องมีเบาะแสขึ้นมาสักวัน”
หลี่ญ่าหลินพูดด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว “ฉันจะเกษียณในไม่ช้านี้แล้ว หากคดีนี้ต้องใช้เวลาสามถึงห้าปีกว่าจะมีเบาะแส อย่างนั้นคนที่เจอเบาะแสก็ไม่ใช่ฉันแล้ว ถึงตอนนั้นฉันที่เกษียณด้วยคดีที่ค้างคาแบบนี้ ชื่อเสียงและการทำงานหนักมาทั้งชีวิตของฉันก็จะสูญสลายไป”
อานโฉงชิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันคิดว่านายหลี่ญ่าหลินจะเป็นคนใจกว้าง ไม่สนใจสิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียงจอมปลอมนี้ซะอีก”
หลี่ญ่าหลินกางมือออกแล้วพูดกับตัวเองว่า “นายก็ดูสิว่าฉันที่คลุกคลีมาเกือบทั้งชีวิต นอกจากชื่อเสียงจอมปลอมแล้วฉันยังเหลืออะไรอีก? ถ้าชื่อเสียงจอมปลอมนี้ฉันก็ไม่มีแล้ว อย่างนั้นที่หลงเหลือก็คงมีแต่เงินบำนาญเพียงเล็กน้อยจากรัฐบาลกลางเท่านั้น"

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...