เขาและลูกชายของเขาที่ถูกเย่เฉินมอมเหล้าขาวไปเมื่อตอนกลางวัน ตอนนี้ต่างเมาจนไม่ได้สติไปแล้ว
ต่อมาเมื่อคนใช้ส่งพวกเขามาที่นี่ หลังจากการตรวจสอบจากแพทย์โดยสังเขปก็พบว่าทั้งสองคนมีอาการพิษสุราเรื้อรังอย่างรุนแรงและต้องเริ่มการช่วยเหลือทันที
การช่วยเหลือผู้ป่วยโรคพิษสุราเรื้อรังแบบนี้เป็นเรื่องที่ลำบากมาก ไม่เพียงแต่ต้องให้น้ำยาล้างกระเพาะ ให้น้ำเกลือเท่านั้น แต่ยังรวมถึงต้องฟอกเลือดด้วย เพื่อลดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองพ่อลูกอายุไม่น้อยแล้ว เมื่อผ่านการทรมานแบบนี้ต่อให้ไม่ตายก็ถือว่าก้าวเท้าเข้าไปแล้วครึ่งหนึ่ง
แม้ว่าเฟ่ยเสวปิงจะอายุน้อยกว่าเฟ่ยซานไห่ไม่น้อย แต่เขาก็ดื่มไปไม่น้อยกว่าเฟ่ยซานไห่ ดังนั้นอาการของคนสองคนจึงแตกต่างกันไม่มากเท่าไหร่
ดังนั้น มาจนถึงขณะนี้ สองพ่อลูกถึงค่อยฟื้นขึ้นมา
แม้ว่าทั้งสองคนจะฟื้นขึ้นมาแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็อ่อนแรงไปทั้งตัวโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการลุกจากเตียง เพราะแม้แต่แขนพวกเขาก็ยังยกไม่ขึ้น
ในเวลานี้ นอกเหนือจากภรรยาของเฟ่ยซานไห่แล้ว ยังมีภรรยาของเฟ่ยเสวปิงและน้องชายและน้องสาวอีกหลายคน
เมื่อนายหญิงใหญ่เห็นว่าในที่สุดพวกเขาก็ลืมตาขึ้น เธอก็ร้องไห้คร่ำครวญทันทีว่า “พวกเธอทั้งสองอายุก็ไม่น้อยแล้ว ในใจไม่รู้จักยั้งคิดเลยหรือไง? ดื่มเหล้ายังดื่มจนกระทั่งเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังได้ยังไงกัน หมอบอกว่าถ้าพวกเธอสองคนมาช้าไปกว่านี้อีกนิด พวกเธอสองคนก็คงจะตายไปแล้ว! ทำไมพวกเธอถึงได้มีอารมณ์สุนทรีย์อะไรขนาดนั้นกัน? ยังหาหลานชายสุดที่รักของฉันไม่พบอยู่เลยนะ!”
ในเวลานี้ เฟ่ยซานไห่รู้สึกวิงเวียนและกระหายน้ำ ทั้งตัวของเขารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง
เดิมทีเขาเห็นสถานการณ์แบบนี้ ในใจก็ไม่อยากจะพูดอะไร แต่เมื่อได้ยินภรรยาบ่นเรื่องนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าน้อยใจและเอ่ยว่า “เธอคิดว่าฉันอยากดื่มมากขนาดนั้นหรือไง? เป็นเพราะไอ้หน้าตัวเมียแซ่เย่นั้นบีบบังคับ!”
“ใช่…” เฟ่ยเสวปิงถอนหายใจ “เขายอมรับออกมาด้วยตัวเอง ตอนนั้นฉันอยากให้จางชวนจับเขาเอาไว้ แต่ใครจะไปรู้ว่า จางชวนนั่นเมื่ออยู่ต่อหน้าคนแซ่เย่ สภาพกลับแย่กว่าสุนัขตัวหนึ่งด้วยซ้ำ คนแซ่เย่แค่ตบเขาไปไม่กี่ที เขาก็คุกเข่าลงเหมือนสุนัขและขอความเมตตา"
เฟ่ยเสวจิ้น น้องชายของเฟ่ยเสวปิงถามอย่างอดไม่ได้ว่า “ไม่น่าล่ะ...จางชวนนั่นเอาแต่คุกเข่าอยู่ในร้านอาหาร เรียกก็ไม่ยอมลุก ฉันคิดไปว่าเขากลัวว่าพวกเราจะลงโทษเขาเพราะพวกคุณดื่มเยอะไปเสียอีก ถึงได้คุกเข่าสำนึกผิด...”
"บ้าบอ!" เฟ่ยเสวปิงเอ่ยอย่างโกรธเคือง "เขากลัวคนแซ่เย่นั่น! ดูเหมือนว่าคนแซ่เย่นั่นจะทำลายพลังของเขาไป ดังนั้นเขาจึงคุกเข่าอยู่ที่นั่นไม่กล้าขยับ! ไอ้ชั่วกินบนเรือนขี้รดบนหลังขา ฉันจะต้องฆ่ามันให้ได้!"
เฟ่ยเสวจิ้น คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และพูดว่า "ใช่สิพี่ใหญ่ จางชวนบอกกับผมว่า คนแซ่เย่นั่นเอ่ยปากเอาไว้แล้ว ว่าคืนนี้เขาจะกลับมาอีก!"
เฟ่ยซานไห่และเฟ่ยเสวปิงตัวสั่นขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ก่อนจะโพล่งออกมาด้วยความสยองขวัญ "นายกำลังพูดถึงอะไร?!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...
สะใจไอไรอันมากกก...
โง่ก็โง่อยุ่วันยันค่ำ แทนที่จะเอาเรื่องแจ้งความมาพูด ถ้าคน1,000คนแจ้งความ คนที่โดนจับก้คือพวก1,000คนเพราะพวกนี้มันก้รุ้ว่าคนในครอบครัวทำไรแต่ไม่ห้ามไม่แจ้งตำรวจ ถ้าตำรวจรู้ว่าพวกญาติรู้แต่ไม่แจ้งความ ก้โดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดแล้ว และพวกนี้ก้ไม่มีหลักฐานเอาผิดเฟนหยุน แต่ดันคืดไม่ได้เนี่ยน่ะ แต่สนุกมาก เป้นนิยายเรื่องแรกที่ติดงอม แหละอินมาก 555...
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...