และเงินที่พวกเขาหามาได้ บ้างก็เพื่อความสนุกสนานของตัวเอง บ้างก็เพื่อหาเลี้ยงปากท้องของครอบครัว
หากใช้เพียงแต่ความปลอดภัยในชีวิตของพวกเขามาข่มขู่ พวกเขาก็มักจะทุ่มสุดตัวเพื่อคว้าเงินบำนาญจำนวนมหาศาลมาให้กับครอบครัว
และหากเป็นเช่นนั้น มันกลับช่วยกระตุ้นจิตวิญญาณการต่อสู้ของพวกเขา
แม้ว่าคราวนี้ คนที่มานิวยอร์กล้วนเป็นยอดฝีมือท่ามกลางยอดฝีมือของสำนักว่านหลง และเป็นเรื่องง่ายดายอย่างยิ่งที่จะจัดการกับบอดี้การ์ดของตระกูลเฟ่ย แต่เย่เฉินก็ยังคงหวังที่จะเอาพวกเขาโดยวิธีที่ไม่ต้องต่อสู้
ดังนั้นเขาจึงขอให้ว่านพั่วจวินมีท่าทีเอาเรื่องอย่างหนัก ก็เพื่อให้บอดี้การ์ดเหล่านี้เข้าใจว่า ต่อให้พวกเขาจะตายเพื่อตระกูลเฟ่ย ในวันนี้ แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถให้ชีวิตที่ปลอดภัยไร้กังวลไปตลอดชีวิตกับสมาชิกในครอบครัวที่เหลือได้
ในทางกลับกัน สิ่งนี้ยังจะนำความตายมาสู่ครอบครัวของพวกเขา
ด้วยวิธีนี้ บอดี้การ์ดเหล่านี้ย่อมไม่มีความกล้าที่ไหนมาสู้ตาย
ยิ่งกว่านั้น อำนาจคุกคามของสำนักว่านหลงนั้นย่อมไม่จำเป็นต้องพูดถึงอีก อย่าว่าแต่บอดี้การ์ดพวกนี้ ต่อให้เป็นตระกูลเห่ย ก็ยังไม่เคยกล้าที่จะต่อต้านสำนักว่านหลง
ดังนั้น บอดี้การ์ดในเวลานี้จึงล้มเลิกความคิดเรื่องการต่อต้านไปแล้ว
ในเวลานี้ ว่านพั่วจวินค่อยๆ เข้ามาใกล้และยืนห่างจากประตูหน้าวิลล่าตระกูลเฟ่ยไปไม่ถึง 50 เมตร
เขามองขึ้นไปที่วิลล่าขนาดใหญ่อันงดงาม ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่เย็นชาบนปากของเขาและเอ่ยขึ้นว่า "บอดี้การ์ดทุกคนจงฟังให้ดี ฉันให้เวลาพวกนายหนึ่งนาที หลังจากนั้นหนึ่งนาที บอดี้การ์ดทั้งหมดที่ไม่ยอมแพ้จะถูกฆ่าทิ้งซะ!"
ขณะที่พูดไป เขามองดูนาฬิกาข้อมือของตนและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เริ่มจับเวลาแล้ว!”
เมื่อได้ยินแบบนี้ บอดี้การ์ดเหล่านั้นที่เสียสติไปตั้งนานแล้วก็แทบยกอาวุธขึ้นและวิ่งออกจากวิลล่าเพื่อมอบตัวกับทางสำนักว่านหลงอย่างไม่ต้องคิด
ในเวลานี้เอง ว่านพั่วจวินที่อยู่ชั้นล่างก็ตะโกนขึ้นมา “ใครเป็นผู้รับผิดชอบตระกูลเฟ่ย? ใครเป็นคนนั้นมาหาฉันที่ชั้นหนึ่ง!"
พูดจบ เขาก็ก้าวเข้าไปในวิลล่าตระกูลเฟ่ย แล้วนั่งลงบนโซฟาในห้องโถงที่ชั้นหนึ่ง
สมองของเฟ่ยซานไห่แล่นไปไม่หยุดและพูดว่า "ถ้าว่านพั่วจวินนั่นต้องการชีวิตของพวกเราจริง ๆ พวกเราก็อาจถูกเขาฆ่าอย่างเงียบ ๆ ไปนานแล้วตั้งแต่ตอนที่ไฟฟ้าดับเมื่อกี้ ในเมื่อเขามาถึงชั้นล่างอย่างเปิดเผยแบบนี้แถมยังขอให้ฉันลงไปเจอเขา แสดงว่าเขาคงอยากคุยเงื่อนไขกับเรา”
เฟ่ยซานไห่รู้ดีอย่างยิ่ง หากเป็นเรื่องดีก็รอดไป หากเป็นเรื่องร้ายก็หนีไม่รอด ตอนนี้นอกจากไปพบหน้าว่านพั่วจวินและพยายามตอบสนองเงื่อนไขของเขา ตนก็ไม่เหลือวิธีการแก้ปัญหาอื่นอยู่อีก
ดังนั้น ในใจของเขายอมแพ้แล้ว เขารู้สึกว่าอย่างมากก็แค่ใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อความสงบสุข ขอแค่เขาจัดการว่านพั่วจวินได้ ตนเองก็ยังเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฟ่ย!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็พูดกับลูกชายคนที่สองและคนที่สามของเขาว่า "พวกนายมาช่วยพยุงฉันให้ลุกขึ้น ฉันจะลงไปชั้นหนึ่งเจอกับว่านพั่วจวิน!"

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...
สะใจไอไรอันมากกก...
โง่ก็โง่อยุ่วันยันค่ำ แทนที่จะเอาเรื่องแจ้งความมาพูด ถ้าคน1,000คนแจ้งความ คนที่โดนจับก้คือพวก1,000คนเพราะพวกนี้มันก้รุ้ว่าคนในครอบครัวทำไรแต่ไม่ห้ามไม่แจ้งตำรวจ ถ้าตำรวจรู้ว่าพวกญาติรู้แต่ไม่แจ้งความ ก้โดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดแล้ว และพวกนี้ก้ไม่มีหลักฐานเอาผิดเฟนหยุน แต่ดันคืดไม่ได้เนี่ยน่ะ แต่สนุกมาก เป้นนิยายเรื่องแรกที่ติดงอม แหละอินมาก 555...
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...