“นี่…นี่…”
เฟ่ยซานไห่พูดไม่ออก
ถ้ามีคนพูดถึงว่าเขาได้ตำแหน่งผู้นำตระกูลมาได้อย่างไร เขาสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่า ตนาได้มาโดยวิธีการทางกฎหมาย
นี้ คือสิ่งที่เรียกว่ามีเหตุมีผล
ทุกยุคสมัยและทุกประเทศ เมื่อใดก็ตามที่เป็นงานใหญ่ล้วนต้องให้ความสำคัญกับการมีเหตุมีผล แม้แต่ผู้รุกรานที่ชั่วช้าที่สุดก็ยังสามารถสร้างคำโกหกอันสวยหรูได้ นับประสาอะไรกับเฟ่ยซานไห่
อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้คนรู้ว่าเขาส่งคนไปไล่ฆ่าพ่อของตัวเองไปทั่วโลก อย่างนั้นนี่ก็ไม่ใช่การมีเหตุมีผลแล้ว
เมื่อเรื่องอื้อฉาวดังกล่าวถูกเปิดเผยไปก็เป็นไปไม่ได้แล้วที่เขาจะยังคงเป็นผู้นำตระกูลต่อไป ถึงตอนนั้นเขาคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรับผิดและลาออก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ทำได้เพียงพยายามครั้งสุดท้ายและพูดว่า “คุณเย่ ยังไงทั้งพ่อและผมล้วนมีจุดด่างพร้อยอยู่ทั้งคู่และไม่เหมาะที่จะเป็นผู้นำตระกูลอีกต่อไป อย่างนั้นก็ปล่อยให้เฟ่ยเสวปิงลูกชายของผมรับหน้าที่ต่อเถอะ!"
สำหรับเฟ่ยซานไห่ ถ้าในท้ายที่สุดเขาต้องสละตำแหน่ง อย่างนั้นเขาย่อมต้องสละตำแหน่งนี้ไปให้ลูกชายของเขา
อย่างไรก็ตาม เย่เฉินกลับปฏิเสธเขาโดยไม่ลังเลและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ทำไม? คดีของเฟยฮ่าวหยางใกล้จะถูกเปิดเผย คุณก็ต้องการให้พ่อของเฟ่ยฮ่าวหยางเป็นผู้นำตระกูลทันที? คุณคิดว่าใครที่มีจุดด่างพร้อยมากที่สุดคนนั้นเหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำตระกูลที่สุดหรือไง?”
“ผม...เอ่อ…” เฟ่ยซานไห่พูดไม่ออก
เขาค่อยตระหนักได้ว่า เมื่อเย่เฉินโยนทฤษฎีจุดด่างพร้อยนี้ออกมา ไม่เพียงแต่ตัวเขาและพ่อของตนเท่านั้นที่ถูกปัดตก แต่นี่ยังรวมไปถึงลูกชายคนโตของเขาเฟ่ยเสวปิงด้วย
ขณะที่เขาคิดจะเสนอชื่อลูกชายคนที่สองของเขา แต่ในเวลานี้เอง จู่ๆสมองของเขาก็ได้สติกลับมา “เย่เฉินอ้อมไปมาตั้งนานก็เพราะอยากให้เข่อซินเป็นผู้นำตระกูลสินะ?! เหตุผลที่เขาไม่พูดออกมาให้ชัดเจน จะต้องเป็นเพราะเขาต้องผลักเรือไปตามแม่น้ำ ปล่อยให้คนอื่นไม่มีอะไรจะพูดอีก อย่างนั้นหากฉันยังคงกัดฟันต่อไป เกิดเขาไม่พอใจขึ้นมา จุดจบของฉันคงไม่ดีแย่...” "
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็รีบพูดขึ้น "คุณเย่...ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมยังมีตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าอยู่...”
เฟ่ยเจี้ยนจงเองก็ไม่คาดคิดว่า เฟ่ยซานไห่จะเปลี่ยนไปรวดเร็วแบบนี้ และเสนอหลานสาวของเขาเฟ่ยเข่อซินให้มาเป็นผู้นำตระกูลโดยตรง
เขาอดคิดในใจไม่ได้ว่า “ซานไห่เห็นความตั้งใจของเย่เฉินแล้วและเริ่มใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ทำให้เย่เฉินและเข่อซินพอใจ…”
เย่เฉินมองไปที่เฟ่ยเจี้ยนจงและถามว่า "คุณท่านเฟ่ย คุณคิดอย่างไรกับข้อเสนอของเฟ่ยซานไห่?"
เฟ่ยเจี้ยนจงทำอะไรไม่ถูกอย่างมาก เขารู้ว่า ความปรารถนาที่จะทวงตำแหน่งผู้นำตระกูลคืนกลับมานั้นถือว่าได้ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์แล้วในวันนี้
ดูเหมือนว่าภายใต้อิทธิพลของเย่เฉิน ลูกชายของเขาเฟ่ยซานไห่เองก็ไม่สามารถนั่งในตำแหน่งผู้นำตระกูลได้อีกต่อไป
นี่หมายความว่า แม้ว่าตนจะไม่ได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูล แต่อย่างน้อยๆจากนี้ตนก็ไม่ต้องหลบซ่อนตัวจากการไล่ฆ่าอีกต่อไปต
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ทำได้เพียงพูดด้วยความเคารพว่า "คุณเย่ ผมเองก็รู้สึกว่าการให้เข่อซินเป็นผู้นำตระกูลนั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้"

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...