คำพูดของเย่เฉินทำให้เฟ่ยเข่อซินตกใจ
ที่ผ่านมาเธออยู่บนทะเลมาตลอด ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสได้ติดต่อกับพ่อแม่ของเธอ
ครั้งนี้ที่เธอกลับมา เธอก็ไม่ได้เจอพ่อแม่และพี่น้องของเธอในตระกูลเฟ่ย
ดังนั้นเธอจึงพอจะสรุปได้ว่า ลุงใหญ่ของเธอได้ขับไล่ครอบครัวของเธอออกจากตระกูลเฟ่ยไปแล้วหลังจากยึดอำนาจจากคุณปู่ไป
ในตระกูลใหญ่ สิ่งแรกที่ผู้นำคนใหม่ควรทำหลังจากเข้ารับตำแหน่งคือการกดขี่พี่น้องที่สามารถคุกคามตน หรือพี่น้องที่ตนไม่ชอบขี้หน้ามาตลอดได้ ในขณะเดียวกันก็จะปล่อยให้พี่น้องที่ภักดีหลายคนมาเป็นมือขวาของเขา หลังจากที่นั่งในตำแหน่งได้อย่างมั่นคงแล้ว เขาก็จะขับไล่พี่น้องที่ภักดีเหล่านี้ออกไป ด้วยวิธีนี้ โดยพื้นฐานแล้วถือเป็นการตัดภัยคุกคามออกไปจนหมด อีกทั้งพี่น้องที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลไปก็จะกลายมาเป็นญาติกัน
หากเฟ่ยเข่อซินไม่ได้เป็นผู้นำตระกูลนี้ ไม่ว่าใครจะเป็นผู้สืบทอด ครอบครัวของเฟ่ยเข่อซินก็ล้วนไม่สามารถกลับมาตระกูลเฟ่ยได้อีกแล้ว
พวกเขาได้แต่ต้องนำทรัพย์สินจำนวนเล็กน้อยมาตั้งธุรกิจของตนในภายนอก จากนั้นพวกเขาก็กลายเป็นญาติของตระกูลเฟ่ย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็กัดฟันทันทีและพูดกับเย่เฉินว่า “คุณเย่ ฉันยินดีที่จะเป็นผู้นำตระกูลเฟ่ย!”
เฟ่ยเข่อซินรู้ดีอย่างยิ่งว่า ผู้นำตระกูลเฟ่ยนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเป็น
ด้วยอายุ ประสบการณ์ และทรัพยากรด้านเครือข่ายของตน เกรงว่าหากคิดจะนั่งในตำแหน่งนี้อย่างมั่นคงคงต้องเจอกับปัญหามากมาย
แต่เธอก็รู้แน่ชัดเช่นกันว่า ตอนนี้เธอไม่มีทางอื่นอีกนอกจากต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบาก
แม้ว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้ไปจะยังไม่รู้แน่ชัด แต่ในความเห็นของเธอ มันก็แค่เป็นการเบิกถนนบนเขาสูง สร้างสะพานกลางคงคาก็เท่านั้นเอง
เฟ่ยซานไห่รีบก้าวไปข้างหน้าและกล่าวด้วยความเคารพ “คุณเย่ ทรัพย์สินส่วนใหญ่ของตระกูลเฟ่ยอยู่ภายใต้ชื่อของผมจริงๆ…”
เย่เฉินพยักหน้าและเอ่ยปาก “บอกตามตรง คุณเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ถ้าคุณอยากมีชีวิตยืนยาวจริงๆ คุณควรเก็บความโลภในใจไปบ้าง ผมขอแนะนำให้คุณมอบอำนาจในการดูแลทรัพย์สินทั้งหมดของคุณให้คุณหนูเฟ่ยจะดีเสียกว่า ในเมื่อให้เธอเป็นผู้นำตระกูลแล้ว อย่างนั้นก็ควรมอบทุกอย่างกับให้เธอ การที่ให้แค่ตำแหน่งผู้นำกับเธอ แต่การควบคุมทรัพย์สินกลับอยู่ในมือของคุณ สำหรับเธอแล้วนี่ถือเป็นข้อจำกัดข้อใหญ่ เป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้เธอควบรวมศูนย์อำนาจและใช้ประโยชน์ทรัพยากรของตระกูลเฟ่ยได้อย่างเต็มที่ คุณคิดว่าอย่างไร?"
เฟ่ยเจี้ยนจงไหนเลยจะกล้าคัดค้าน
แม้ว่าเขารู้สึกอึดอัดและไม่เต็มใจอยู่บ้างในเวลานี้ แต่ตอนนี้เขาก็คิดตกแล้วจริงๆ
เขารู้สึกว่า "ผมอยู่มาได้ถึงวันนี้และกลับมาอเมริกาทั้งเป็นได้ นี่ถือเป็นอะไรที่เกินการคาดหวังของผมไปแล้ว ในเวลานี้ การควบคุมทรัพย์สินไปก็ไม่มีความหมายอะไรอีก มันจะดีกว่าถ้ามอบมันให้เข่อซิน และถือเป็นการส่งเธอขึ้นหลังม้า...”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...
สะใจไอไรอันมากกก...
โง่ก็โง่อยุ่วันยันค่ำ แทนที่จะเอาเรื่องแจ้งความมาพูด ถ้าคน1,000คนแจ้งความ คนที่โดนจับก้คือพวก1,000คนเพราะพวกนี้มันก้รุ้ว่าคนในครอบครัวทำไรแต่ไม่ห้ามไม่แจ้งตำรวจ ถ้าตำรวจรู้ว่าพวกญาติรู้แต่ไม่แจ้งความ ก้โดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดแล้ว และพวกนี้ก้ไม่มีหลักฐานเอาผิดเฟนหยุน แต่ดันคืดไม่ได้เนี่ยน่ะ แต่สนุกมาก เป้นนิยายเรื่องแรกที่ติดงอม แหละอินมาก 555...
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...