ในความเห็นของเย่เฉิน เงื่อนไขแรกสำหรับความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลหนึ่ง จะต้องเกิดจากความสามัคคีภายใน
ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของความสามัคคีคือสามารถหลีกเลี่ยงความขัดแย้งภายในได้ และใช้พลังงานทั้งหมดของตระกูลนี้เพื่อวัตถุประสงค์ที่เป็นประโยชน์
ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าตระกูลนั้นจะเป็นเพียงชาวนายากจนที่หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน แต่ตระกูลนี้ก็จะต้องมีแนวโน้มเจริญยิ่งขึ้นไปอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หากมีความแตกแยกและการเผชิญหน้ากันภายในตระกูล อย่างนั้นพลังงานส่วนใหญ่ก็จะถูกเผาผลาญไปกับการต่อสู้ภายใน
แบบนี้ คนในตระกูลนี้จะไม่เพียงมีพลังงานไม่เพียงพอที่จะทำงานที่มีประโยชน์ แต่ยังต้องตกอยู่ในห้วงเหวอันเนื่องมาจากความขัดแย้งภายในอย่างต่อเนื่อง
หากพลังงานส่วนมากใช้ไปภายใน ต่อให้ตระกูลนั้นมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน ก็ต้องถูกใช้หมดลงในสักวัน
ดังนั้น เย่เฉินจึงเตือนเฟ่ยเข่อซินว่าเธอต้องจับตาดูคนตระกูลเฟ่ย และตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขาจะก้าวตามเธอไป และหากพบปัญหา เธอจะต้องไม่ใจอ่อนและจัดการฆ่าทิ้งโดยเร็วที่สุด
เฟ่ยเข่อซินย่อมเข้าใจความหมายของเย่เฉินและพยักหน้าติดๆ "คุณเย่โปรดวางใจ ฉันจะต้องใส่ใจให้มากแน่"
เมื่อเย่เฉินเห็นว่า เฟ่ยเข่อซินดูกังวลอยู่ไม่มากก็น้อย เขาก็มองเธออย่างให้กำลังใจและพูดอย่างจริงจัง “รอให้คุณจัดการเรื่องของเฟ่ยฮ่าวหยางแล้ว ตระกูลเฟ่ยจะต้องเข้าสู่ช่วงตกต่ำอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเพราะเรื่องนี้แน่ แต่ผมเชื่อว่า ความสามารถของคุณจะนำพาตระกูลเฟ่ยให้หลุดพ้นจากความตกต่ำนี้ได้อย่างแน่นอน”
เฟ่ยเข่อซินกล่าวขอบคุณเขาด้วยความซาบซึ้ง "ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากคุณเย่ ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ตระกูลเฟ่ยผ่านวิกฤตินี้ไปโดยเร็วที่สุด"
ขณะที่พูด เธอก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็จ้องไปที่เย่เฉินด้วยดวงตาที่ร้อนแรงและโพล่งออกมา "หากวันหน้าคุณเย่มีเรื่องอะไรให้ตระกูลเฟ่ยทำขอแค่เอ่ยปาก คนในตระกูลเย่ทั้งหมด ไม่มีทางปฏิเสธ!"
เย่เฉินพยักหน้าและพูดว่า “ถ้าจำเป็น ผมก็จะไม่เกรงใจกับคุณแน่”
หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่หยวนจื่อซูซึ่งอยู่ข้างๆคุณท่านใหญ่และกล่าวว่า "ในบรรดาผู้เก่งกาจวิชาบู๊ คุณเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด จากนี้ไปให้คุณเป็นผู้ปกป้องความปลอดภัยของคุณหนูเฟ่ย"
ทันทีที่จางชวนเห็นเย่เฉิน เขาก็คุกเข่าลงที่พื้นอย่างควบคุมไม่อยู่และสะอื้นไห้ "คุณเย่...ผมคุกเข่าอยู่ในร้านอาหารตามคำสั่งของคุณมาตลอด ไม่ได้ลุกขึ้นเลย ได้โปรดคุณเห็นแก่ความจงรักภักดีของผม ช่วยฟื้นฟูพลังให้ผมเถอะ…”
ขณะที่เขาพูดเขาก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาดังลั่น
พลังวิชาหลายสิบปีสลายไปในพริบตา สำหรับจางชวนแล้วการโจมตีแบบนี้เรียกได้ว่าเป็นภัยพิบัติทำลายล้าง
ดังนั้น ขอแค่ได้พลังวิชาของตนเองกลับมา เขายินดีที่จะทำทุกอย่าง
หยวนจื่อซูไม่คาดคิดเลยว่าแค่เพียงครึ่งเดือนที่ไม่ได้เจอกัน ศิษย์น้องที่จิตใจฮึกเหินของเขาจะกลายมามีสภาพเป็นแบบนี้
และเขาก็ต้องตะลึงทันทีที่พบว่าในเวลานี้บนตัวของจางชวนไม่มีร่องรอยพลังวิชาอีกต่อไป และดูเหมือนจะกลายเป็นเพียงคนธรรมดา เขาตกใจจนต้องโพล่งออกมา “ศิษย์น้องจาง นายเป็นอะไรไป?!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...
สะใจไอไรอันมากกก...
โง่ก็โง่อยุ่วันยันค่ำ แทนที่จะเอาเรื่องแจ้งความมาพูด ถ้าคน1,000คนแจ้งความ คนที่โดนจับก้คือพวก1,000คนเพราะพวกนี้มันก้รุ้ว่าคนในครอบครัวทำไรแต่ไม่ห้ามไม่แจ้งตำรวจ ถ้าตำรวจรู้ว่าพวกญาติรู้แต่ไม่แจ้งความ ก้โดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดแล้ว และพวกนี้ก้ไม่มีหลักฐานเอาผิดเฟนหยุน แต่ดันคืดไม่ได้เนี่ยน่ะ แต่สนุกมาก เป้นนิยายเรื่องแรกที่ติดงอม แหละอินมาก 555...
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...