อย่างไรก็ตาม ยอดฝีมือเหนือกว่าครึ่งของสำนัก กลับถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของเย่เฉินถึงสองคน ซึ่งนี่ทำให้ความแข็งแกร่งโดยรวมของสำนักลดลงเป็นอย่างมาก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หยวนจื่อซูได้แต่พูดต่อไปว่า "คุณเย่ ศิษย์น้องสองคนของผมคือเสาหลังของสำนัก ได้โปรดคุณอย่าได้ถือสาคนตัวเล็กอย่างพวกเขาและปล่อยพวกเขาสองคนไป...หลังจากนี้ถ้าคุณยเย่มีคำสั่งใดๆ จะให้บุกน้ำลุยไฟผมก็ไม่กล้าปฏิเสธ!”
เย่เฉินไม่แยแสกับคำพูดของหยวนจื่อซู เขาโบกมือแล้วพูดว่า "เรื่องนี้เอาแต่พูดไม่มีประโยชน์ หากนายต้องการให้ฉันปล่อยพวกเขาสองคนไปจริงๆ มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่นายต้องยอมรับเงื่อนไขของฉัน"
ทันทีที่หยวนจื่อซูได้ยินเรื่องนี้ เขาก็พูดทันทีว่า "คุณเย่ได้โปรดเอ่ย! ไม่ว่าจะเงื่อนไขอะไร พวกเราจะพยายามทำให้ดีที่สุด!"
เย่เฉินพูดเรียบๆ “ง่ายมาก ให้พวกเขาทั้งคู่มาทำงานในสำนักว่านหลงเป็นเวลาสามปี หลังจากนี้สามปี ฉันจะปล่อยให้พวกเขาเป็นอิสระ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จางชวนที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นก็พูดทันทีโดยไม่ได้คิดว่า "ผมยินยอม! ผมยินยอม! ตราบใดที่คุณเย่สามารถฟื้นฟูพลังวิชาของผมได้ ฉันยินดีที่จะทำงานให้กับสำนักว่านหลงเป็นเวลาสามปี!"
เย่เฉินยิ้มและกล่าวว่า "ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันจะให้เวลานายเก็บของ 1 คืน พรุ่งนี้ฉันจะให้ว่านพั่วจวินจัดการให้นายไปซีเรีย"
จางชวนรีบถาม "คุณเย่ อย่างนั้นพลังวิชาของผม..คุณจะช่วยฟื้นฟูให้ผมก่อน หรือว่าฟื้นฟูมันหลังจากที่รับใช้สำนักว่านหลงไปแล้วสามปี?”
เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ถ้านายไม่มีพลังวิชา นายจะเอาอะไรมารับใช้วำนักว่านหลง?”
ในเวลานี้ ในใจของเขาได้เกิดพายุโหมกระหน่ำขึ้นมา "เมื่อครู่เย่เฉินไม่ได้แตะต้องจางชวนเลยสักนิด เขาแค่เพียงโบกมือเล็กน้อย พลังวิชาของจางชวนก็กลับมาได้แล้วงั้นหรือ?! นี่มันคือความแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่ ถึงสามารถบรรลุถึงระดับที่น่าทึ่งมากขนาดนี้ได้?!”
เย่เฉินเองก็ขี้เกียจกว่าจะซ่อนความแข็งแกร่งของเขาต่อหน้าตระกูลเฟ่ยและศิษย์พี่ศิษย์น้องของหยวนจื่อซู ดังนั้นเขาจึงพูดด้วยความน่ายำเกรงอย่างยิ่งว่า "พอฉันกลับไปที่จินหลัง ฉันจะฟื้นฟูจิตสำนึกและพลังวิชาของลั่วเจียเฉิง ให้เขาไปรายงานตัวกับสำนักว่านหลงที่ซีเรีย เมื่อหมดเวลาสามปี สำนักว่านหลงก็จะปล่อยพวกเขาไป แต่ถ้าสามปีนี้ พวกเขาสองคนตั้งใจจะหลบหนี ฉันก็จะฆ่าพวกเขาซะ"
จางชวนพยักหน้าตอบรับ แม้แต่หยวนจื่อซูที่อยู่อีกด้านก็ยังให้คำมั่นว่า “คุณเย่ไม่ต้องห่วง พวกเขาสองคนจะต้องทุ่มเทรับใช้สำนักว่านหลงอย่างเต็มที่แน่ ไม่มีทางหนีไปกลางทางเด็ดขาด!”
เย่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ต่อจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเฟ่ยหรือผู้เก่งกาจวิชาบู๊ที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเฟ่ยก็ตาม หากไม่มีคำสั่งของฉัน ก็ห้ามไม่ให้เข้าไปในหัวเซี่ยเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นใคร ฉันก็จะไม่เกรงใจ!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...
สะใจไอไรอันมากกก...
โง่ก็โง่อยุ่วันยันค่ำ แทนที่จะเอาเรื่องแจ้งความมาพูด ถ้าคน1,000คนแจ้งความ คนที่โดนจับก้คือพวก1,000คนเพราะพวกนี้มันก้รุ้ว่าคนในครอบครัวทำไรแต่ไม่ห้ามไม่แจ้งตำรวจ ถ้าตำรวจรู้ว่าพวกญาติรู้แต่ไม่แจ้งความ ก้โดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดแล้ว และพวกนี้ก้ไม่มีหลักฐานเอาผิดเฟนหยุน แต่ดันคืดไม่ได้เนี่ยน่ะ แต่สนุกมาก เป้นนิยายเรื่องแรกที่ติดงอม แหละอินมาก 555...
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...