หลี่ญ่าหลินถอนหายใจออกมาแล้วพลางเอ่ยขึ้น : “ช่างเถอะ นายลองหาดูอีกทีว่ามีเบาะแสอื่นๆอีกหรือเปล่า”
อีกฝ่ายหนึ่งเอ่ยถาม : “ต้องไปถามเถ้าแก่ร้านห่านย่างร้านนั้นไหมครับ? ไม่แน่ว่าในร้านอาจจะมีกล้องวงจรปิดอยู่”
หลี่ญ่าหลินรีบพูดขึ้นมา : “ยังไม่ต้องก่อน กู้ชิวอี๋ในฐานะที่เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงที่สุดในเขตแดนของคนเชื้อสายจีน ในเมื่อเดินทางมากินข้าวที่นี่เป็นพิเศษ ก็คงจะรู้จักกับเถ้าแก่ ถ้าไปถาม จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นเปล่าๆ”
ว่าแล้ว หลี่ญ่าหลินมีความคิดที่เฉียบไวขึ้นมา พลางออกปากขึ้น : “แบบนี้ นายรอให้ร้านเปิดแล้ว ก็ไปกินข้าวในร้านก่อน ลองดูว่าในร้านมีกล้องวงจรปิดหรือเปล่า ถ้าหากมี ตอนบ่ายให้คนไปแสดงละครตบตาเป็นการแย่งขโมยโทรศัพท์มือถือตรงข้างทางบริเวณใกล้ๆ หลังจากนั้นก็เปลี่ยนตัวเองอีกคนหนึ่งเข้าไปในร้าน บอกว่าสืบคดีต้องการบันทึกจากกล้องวงจรปิดของพวกเขา ถึงตอนนั้นก็เอาฮาร์ดดิสก์ที่บันทึกภาพจากกล้องถอดกลับมา”
อีกฝ่ายหนึ่งยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “โห....หัวหน้า นี่หัวหน้านี่แหล่ะที่มีกลยุทธ์! ถ้าอย่างนั้นผมรอให้ร้านพวกเขาเปิดก่อนแล้วจะไปลองดูนะครับ!”
หลังจากที่หลี่ญ่าหลินอืมตอบรับแล้ว ก็วางสายไป
วางสายแล้ว เขาก็ดูคลิปวิดีโอเมื่อครู่นี้อีกครั้ง จากนั้นก็ลากแถบความคืบหน้าไปทางด้านหลัง เห็นรถของอานโฉงชิวออกไปจากร้านห่านย่างอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นาน ตัวเองก็เดินออกมาจากร้าน และต่อมารถคันที่กู้ชิวอี๋นั่งมาคันนั้นก็ขับออกไปจากไชน่าทาวน์และไปทิศทางเดียวกันกับอานโฉงชิว
ดูมาถึงตรงนี้แล้ว เขาอดที่จะพึมพำขึ้นมาไม่ได้ : “วันนั้นตอนที่ไปร้านนี้กับโฉงชิว เลยช่วงเวลากินข้าวมาตั้งนานแล้ว ในร้านก็ดูเหมือนกับไม่มีคน ถ้าอย่างนั้นกู้ชิวอี๋อยู่ตรงไหนกัน?”
ดังนั้นแล้วเขาจึงอดที่จะพึมพำออกมากับตัวเองไม่ได้ : “อีกคนหนึ่งเป็นใครกัน? เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธออย่างนั้นเหรอ? หรือว่าตอนที่เฟ่ยฮ่าวหยางถูกลักพาตัวไปในวันนั้น จะเป็นเด็กที่ทำให้เฟ่ยเสวปิงเงียบกริบพูดไม่ออกคนนั้น?”
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว ในหัวของเขาก็อดที่จะมีการแสดงอาการออกมาของเย่เฉินในวันนั้นลอยขึ้นมาไม่ได้
เมื่อนึกถึงเย่เฉินแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะพิจารณาขึ้นมาอีกครั้ง : “เด็กนั่นอยู่หลังจากที่เฟ่ยฮ่าวหยางถูกลักพาตัวไปแล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่เฟ่ยเสวปิงข่มขู่เพื่อแสดงว่าตนอยู่เหนือกว่า เป็นเช่นนี้แล้วก็สามารถทำได้โดยไม่หวาดกลัวเลยซักนิดเดียว แม้กระทั่งไม่ยอมให้ด้วยแม้แต่น้อยนิด เห็นความมั่นใจในใจเขามีมาก แต่ทำไมเขาถึงได้มั่นใจขนาดนี้? ต้องรู้ว่านี่คืออาณาเขตของตระกูลเฟ่ย เขาไปเป็นเพื่อนกู้ชิวอี๋เพื่อไปร่วมงานเลี้ยงการกุศลขององค์กรเฟ่ยฮ่าวหยาง จะต้องรู้ว่าเบื้องหลังความสามารถของตระกูลเฟ่ยคืออะไร”
“ทั้งที่รู้ความสามารถของตระกูลเฟ่ย ยังไม่เห็นเฟ่ยเสวปิงอยู่ในสายตาเลยแม้แต่นิดเดียว คนแบบนี้ สรุปแล้วแข็งแกร่งเกินไป หรือว่าบ้าเกินแล้วกันแน่?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...