หลิวม่านฉงตกใจเย่เฉินจนพูดอะไรไม่ออก ผ่านไปนานจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาว่า “เย่เฉิน….ปกติคุณขี้โอ่แบบนี้ไหม?”
เย่เฉินหันมามองหลิวม่านฉง หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ปกติผมไม่ได้ขี้โอ่หรอก ปณิธานของผมก็คือ ใครไม่หาเรื่องผม ผมก็จะไม่หาเรื่องคนนั้น และจะไม่ใช้กำลังและอำนาจข่มขู่คนที่อ่อนแอกว่าอย่างไม่มีเหตุผลแน่นอน”
เย่เฉินพูดไปพลางชี้ไปที่จงจื่อทาว จากนั้นก็เอ่ยพูดเสียงเย็น “แต่ถ้ามีคนมาหาเรื่องผม ผมก็ต้องเอาเรื่องเป็นธรรมดา!แล้วก็จะเอาคืนเป็นสิบเท่า ร้อยเท่า พันเท่า!ไม่ออมมือให้เด็ดขาด!”
หลิวม่านฉงโพล่งออกไปว่า “แต่ที่นี่คือเกาะฮ่องกาง ไม่ใช่ถิ่นของคุณนะ!ไม่เคยได้ยินคำว่ามังกรก็สู้งูเจ้าถิ่นไม่ได้หรือไง?”
เย่เฉินยิ้มเหยียดออกมา เอ่ยพูดอย่างจริงจังว่า “คุณหลิว ผมจะบอกคุณตรงๆก็แล้วกัน ต่อให้อยู่ที่นี่ ก็ไม่มีอะไรห้ามผมได้หรอก!”
สำหรับเย่เฉินแล้ว การมาเกาะฮ่องกางในครั้งนี้ ไม่มีสิ่งไหนห้ามเขาได้ทั้งนั้น
เขามาที่เกาะฮ่องกางคนเดียว ไม่ได้พาคนใกล้ชิดหรือเพื่อนมาด้วย มีแค่ว่านพั่วจวินและคนอื่นๆในสำนักว่านหลงที่อยู่ที่นี่ และพวกเขาจะไม่เป็นตัวถ่วงของเย่เฉินแน่นอน
ดังนั้น เขาจึงไม่มีอะไรให้ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง
มากไปกว่านั้น พอได้ยินว่ามีคนต้องการชีวิตของลุงโจง เขาก็ต้องมาดูสักหน่อย ว่าใครมันกล้าถึงขนาดนี้กัน
ไม่เพียงเท่านี้ เขายังอยากให้คนเหล่านั้นรู้ว่า ชีวิตของลุงโจง ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะได้ไปง่ายๆ!
อีกอย่าง ต่อให้พวกเขาทำไม่ได้มีความสามารถถึงขนาดที่จะทำสำเร็จ พวกเขาก็ต้องชดใช้กับสิ่งที่พวกเขาคิดจะแตะต้อง
เพราะฉะนั้น เขาถึงได้บอกไงว่าครั้งนี้เขามาเพื่อเป็นเจ้าภาพงานสำคัญอย่างที่บอกหลิวม่านฉงไปก่อนหน้านี้
“รับ….รับทราบ…..” ไก่ไม่กล้าชักช้า ใช้แขนซ้ายที่ยังปกติดีทุกอย่าง ล้วงโทรศัพท์ของลูกน้องตัวเองออกมา
เย่เฉินหยิบกองโทรศัพท์ตรงหน้าขึ้นมา แล้วปาทิ้งลงเหว ชั่ววินาทีนั้นโทรศัพท์หลายสิบเครื่องก็ถูกโยนทิ้งเป็นพาราโบลา
ต่อมา เย่เฉินก็พูดกับไก่ว่า “นายเป็นถึงลูกพี่ แต่กลับเจ็บน้อยที่สุดในบรรดาลูกสมุน มันไม่ดูขัดๆหน่อยเหรอ?”
สติของไก่พลันแตกกระเจิง หลุดปากออกไปว่า “ลูกพี่….นี่ผมก็เจ็บหนักสุดๆแล้ว….แขนขวาผมพิการไปแล้วด้วยซ้ำ….”
เย่เฉินชี้ไปยังคนอื่นๆที่นอนอยู่บนพื้น เอ่ยพูดอย่างมีนัยแฝงว่า “นายดูพวกเขาสิ กระดูกหนักน้อยกว่านายตรงไหน? นายเป็นลูกพี่ พาลูกน้องออกมาก่อเรื่อง ก็ต้องให้ความสำคัญกับธรรมเนียมของกลุ่มแก๊งหน่อยสิ ถ้าให้ลูกน้องเจ็บหนักกว่านาย หลังจากนี้นายจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? คนอื่นจะนินทานายลับหลังเอาได้นะ!”
ขณะที่พูด เย่เฉินก็ลูบคางแล้วเอ่ยพูดอย่างจริงจัง “ฉันว่านะ ยังไงนายก็ต้องขาหักถึงจะเข้าท่า”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...