เมื่อเห็นว่าเธอเริ่มเศร้า เย่เฉินแสร้งทำเป็นผ่อนคลายและกล่าวว่า “พ่อแม่ของผมเองก็จากไปไวเหมือนกัน หลังจากที่พวกเขาจากไป ผมก็กลายเป็นเด็กกำพร้า และอาศัยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นเวลาสิบปี ซึ่งถ้าเปรียบเทียบ คุณยังถือว่าโชคดีกว่าผมเยอะ"
“คุณเป็นเด็กกำพร้าเหรอ!”หลิวม่านฉงมองเย่เฉินอย่างประหลาดใจ ด้วยใบหน้าเหลือเชื่อ
เย่เฉินพยักหน้าและกล่าวว่า “ก่อนจะอายุแปดขวบ ผมเคยเป็นเด็กที่มีความสุขที่สุดในโลก แต่ผมก็ตกจากฟ้าลงบ่อโคลนในเวลาชั่วข้ามคืน จากนั้นก็ล้มลุกคลุกคลานอยู่ในบ่อโคลนมาตลอด กว่าจะมาถึงวันนี้"
หลิวม่านฉงอุทาน: “คุณอายุยังน้อยๆอยู่เลย สามารถครองตำแหน่งสำคัญในบริษัท นานาซูขนส่ง จำกัดได้ขนาดนี้ ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าความสามารถส่วนตัวของคุณแข็งแกร่งมาก”
“งั้นเหรอ?” เย่เฉินเกาหัวอย่างเขินอายเล็กน้อย และพูดด้วยรอยยิ้ม “ฮ่าๆ เหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ”
เขาไม่สามารถบอกหลิวม่านฉงได้ว่า จริงๆแล้วเขาเป็นบอสใหญ่ที่มีหุ้นมากที่สุดในบริษัท นานาซูขนส่ง จำกัด
ในตอนนี้เอง คนวัยกลางคนจำนวนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยรอยยิ้มบนหน้า
คนที่เดินนำหน้าคืออาหนาน ในมือของเขาถือกล่องใบใหญ่ไม่รู้ว่าข้างในมีอะไร
เมื่อทุกคนเดินมาถึงทั้งสองคน อาหนานก็ยิ้มและพูดว่า "คุณหม่านฉง สุขสันต์วันเกิด!"
พูดจบ ลุงเฉิงที่อยู่ข้างๆ ก็รีบเปิดฝากล่องใบใหญ่ออก ซึ่งข้างในเป็นเค้กก้อนใหญ่ที่ตกแต่งมาอย่างสวยงาม
ทุกคนส่งเสียงเชียร์และพูดพร้อมกัน “คุณม่านฉง สุขสันต์วันเกิด!”
หลิวม่านฉงพลันตกตะลึง จากนั้นก็พึมพำออกมาว่า "วันนี้ไม่ใช่วันเกิดของฉันนะ... วันเกิดของฉันเหลืออีกตั้งสิบกว่าวัน... อาหนาน ลุงเฉิง นี่มันอะไรกัน?"
จากนั้นทุกคนก็เร่งเร้าเธอให้อธิษฐานและเป่าเทียน
หลิวม่านฉงเหลือบมองเย่เฉิน แล้วจึงหลับตาลง หลังจากขอพรเสร็จ ก็เป่าเทียนต่อหน้าทุกคน
ทุกคนส่งเสียงเชียร์อีกครั้ง จากนั้นก็เสิร์ฟอาหารและของว่างให้หลิวม่านฉงกับเย่เฉิน ซึ่งแต่ละอย่างนำมาเสิร์ฟในปริมาณน้อยๆ ลุงเฉิงยังคงพูดกับพวกเขาว่า "เรารู้ว่าคุณม่านฉงไม่ค่อยชอบอะไรที่สิ้นเปลือง ดังนั้นพวกเราจึงเตรียมอาหารแต่ละอย่างมาในปริมาณน้อยๆ แต่ถ้าไม่อิ่มก็ขอเพิ่มได้ เราเตรียมไว้ให้พวกคุณแล้ว!”
หลิวม่านฉงพูดด้วยดวงตาที่แดงระเรื่อ “ขอบคุณทุกคน ที่ใส่ใจและจำวันเกิดฉันได้...”
ลุงเฉิงยิ้มและพูดว่า: “มันสมควรเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว คุณม่านฉง ผมขอพูดอะไรที่อาจจะดูปีนเกลียวแทนทุกคนหน่อยนะ ในสายตาของพวกเรา คุณก็เป็นเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง!”
หลังจากพูดจบ เขาก็รีบพูดกับทุกคนว่า “ทุกคนแยกย้ายเถอะ อย่าอยู่รบกวนเวลาส่วนตัวที่ควรมีอยู่แค่สองต่อสองของคุณม่านฉงเลย”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...
สะใจไอไรอันมากกก...