เมื่อหลิวม่านฉงได้ยินคำพูดของเย่เฉิน ความรู้สึกของความไม่เต็มใจในหัวใจของเธอก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
เธอแสร้งทำเป็นผ่อนคลายและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “โอเค ถ้างั้นคืนวันพรุ่งนี้ฉันจะพาคุณไปอีก”
หลังจากที่พูดจบ จู่ๆ เธอก็พบว่า ตัวเองกับเย่เฉินเหมือนไม่มีหัวข้ออะไรที่จะพูดคุยกันได้อีกแล้ว
ในเรื่องที่พูดคุยกันก่อนหน้านี้ เธอไม่กล้าที่จะถามลึกลงไปอีก แต่ตอนนี้ เธอเองก็ไม่รู้ว่าควรจะคุยกับเย่เฉินในเรื่องอะไร
อันที่จริงสิ่งที่เธออยากถามเย่เฉินนั้นมีอีกมากมาย อย่างเช่นเขาเป็นคนมาจากไหนในแผ่นดินใหญ่? อายุยี่สิบแปดปีแล้วแต่งงานหรือยัง หรือมีแฟนที่คบกันอยู่หรือไม่
หรือ จะถามเขาว่าอยากจะใช้ชีวิตอยู่บนเกาะฮ่องกางนานกว่านี้หรือไม่ เพราะตัวเองยังมีที่ๆ ไม่เคยได้แบ่งปันกับคนอื่นอีกมากมาย และอยากพาเย่เฉินไปเดินเล่นด้วยกัน ได้เดินชมบ้าง และเดินชิมบ้าง
แต่อย่างไรก็ตาม คำถามพวกนี้ เธอไม่กล้าที่จะเอ่ยปากถามเลยแม้แต่ข้อเดียว
ก่อนอื่นเป็นเพราะเธอไม่กล้าที่จะถาม และประการที่สองเพราะเธอไม่พร้อมที่จะรับฟังคำตอบของเย่เฉิน
ทันใดนั้น จู่ๆ ในรถก็ตกอยู่ในความเงียบไปเลย
บนเกาะฮ่องกางฝนเยอะ และเมื่อรถขับผ่านไปได้ครึ่งทาง เม็ดฝนก็เริ่มปรอยลงมาจากท้องฟ้า หลิวม่านฉงผู้ซึ่งยังคงมองเย่เฉินจากหางตาของเธอ ก็ตั้งหน้าตั้งตามองดูเม็ดฝนบนกระจกรถ และมีอาการเหม่อลอยเล็กน้อย
เย่เฉินมองไปที่รถ และเหลือบมองเธอจากหางตาเป็นครั้งๆ เมื่อเห็นเธออยู่ในอาการเหม่อลอย เขาก็ถามโดยจิตสำนึกว่า “กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”
“อ๊ะ?” จู่ๆ หลิวม่านฉงก็ตอบสนองกลับมา จัดเส้นผมอ่อนนุ่มของเธอ ยิ้มให้กับเย่เฉินเบาๆ และพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ไม่มีอะไร ฉันแค่กำลังชมสายฝนอยู่”
หลิวม่านฉงส่ายหัว และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันไม่ค่อยสนใจกับสไตล์ของเขาสักเท่าไหร่ อีกอย่างตั้งแต่มหาวิทยาลัยจนถึงปริญญาโทและปริญญาเอกฉันท์ก็เรียนภาษาจีนมาโดยตลอด ไม่มีความรู้ทางด้านการเงินและเศรษฐศาสตร์เลย และฉันก็ไม่สามารถที่จะทำงานในด้านนี้ได้เลย
ในขณะที่พูดอย่างนั้น หลิวม่านฉงก็พูดติดตลกว่า “อีกอย่าง คุณดูสิว่าฉันเป็นคนที่เหมาะกับการทำธุรกิจตรงไหนกัน จนถึงตอนนี้ถนนคนเดิน ยังมียอดขาดดุลเดือนละสองแสนดอลลาร์ฮ่องกงยังจะต้องให้พ่อของฉันมาช่วยเติมเต็มอยู่เลย ถ้าเขาส่งมอบธุรกิจให้ฉันจริงๆ ฉันเกรงว่าใช้เวลาไม่นานก็จะเสียทรัพย์สินของครอบครัวไปจนหมดแล้ว”
เย่เฉินถามด้วยความสงสัยว่า “คุณซื้อถนนคนเดินมานานแค่ไหนแล้ว?”
หลิวม่านฉงคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “น่าจะซื้อมาได้สิบกว่าปีแล้วมั้ง ซื้อเมื่อปีที่พ่อของฉันแต่งงาน”
เย่เฉินถามเธอว่า “คุณรู้ไหมว่าตอนที่ซื้อมันราคาเท่าไหร่?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...
สะใจไอไรอันมากกก...
โง่ก็โง่อยุ่วันยันค่ำ แทนที่จะเอาเรื่องแจ้งความมาพูด ถ้าคน1,000คนแจ้งความ คนที่โดนจับก้คือพวก1,000คนเพราะพวกนี้มันก้รุ้ว่าคนในครอบครัวทำไรแต่ไม่ห้ามไม่แจ้งตำรวจ ถ้าตำรวจรู้ว่าพวกญาติรู้แต่ไม่แจ้งความ ก้โดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดแล้ว และพวกนี้ก้ไม่มีหลักฐานเอาผิดเฟนหยุน แต่ดันคืดไม่ได้เนี่ยน่ะ แต่สนุกมาก เป้นนิยายเรื่องแรกที่ติดงอม แหละอินมาก 555...
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...