“คำพูดที่ดีงั้นเหรอ?”
หยางเทียนเซิงซึ่งอยู่ในความโกรธ ไม่พอใจอย่างมากกับคำพูดของหลิวเจียฮุย และคำรามอย่างเย็นชาว่า “หลิวเจียฮุย จำสิ่งที่แกพูดเอาไว้ ถ้าคุณฮงมาถึงในภายหลัง แกอย่าอ้อนวอนแทนเจ้าเด็กคนนี้นะ!”
ในวันนี้การดูถูกของเย่เฉินที่มีต่อหยางเทียนเซิง ทำให้เขาไม่พอใจอย่างยิ่งจริงๆ
เหตุผลที่เขาโกรธมากขนาดนี้ ในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้ายนั้น เกี่ยวข้องกับสถานะที่เคยชินกับถูกชมเชยของเขาบนเกาะฮ่องกางในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
เขาอยู่ในเอเคอร์นี้นานเกินไป และคนที่เขาติดต่อด้วยในวันธรรมดา ล้วนเป็นคนดังในสายตาของคนธรรมดา สถานะทางสังคมของคนดังเดิมทีนั้นสูงกว่าคนธรรมดามากมาย และเขาซึ่งเป็นเจ้าพ่อทูนหัวของวงการบันเทิง ก็ยิ่งรับไม่ได้
บรรดาแฟนๆ ที่คลั่งไคล้พวกนั้น ซึ่งใช้เงินเป็นจำนวนมากและทรัพยากรวัสดุและพลังงานอย่างมากที่สุดก็จะสามารถชนะโอกาสแบบตัวต่อตัวกับดาราได้ และพวกเขาไม่มีโอกาสที่จะจับมือเลยด้วยซ้ำ
แต่สำหรับหยางเทียนเซิงแล้ว เขาเคยชินกับการได้รับความเคารพจากกลุ่มดาราชั้นนำ และในตอนนี้การถูกเย่เฉินทำให้อับอายขายหน้าเช่นนี้ มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยมีมานานกว่าหลายทศวรรษเลยทีเดียว
ก็เป็นเพราะเหตุนี้เอง เขาถึงรู้สึกอับอายและโกรธมากเช่นนี้
หลิวเจียฮุยก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ในตอนนี้หยางเทียนเซิงไม่เห้นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ตัวเองพยายามอย่างเต็มที่และไม่สามารถเขย่ามันได้ ดังนั้นเขาจึงเลิกคิดที่จะโน้มน้าวอีกต่อไป
ในเวลานี้ เด็กสาวที่อ้างตัวว่าเป็นเซวียจื่อฉี กล่าวกับเย่เฉินอย่างประหม่าว่า “คุณเย่ คุณอย่าขัดแย้งกับคุณหยางเพราะฉันโดยเด็ดขาด........”
เย่เฉินโบกมือของเขา “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณ ฉันไม่เคยชื่นชอบกับไอ้ขยะที่อ่อนโยนแบบนี้มาก่อน ในความคิดของฉัน ไอ้สัตว์นรกเหล่านี้ ยังเทียบไม่ได้กับสมาคมไฮกิงบุงเกียวบนถนนในโตเกียว ซึ่งอย่างน้อยก็จริงจังและไม่โอ้อวด”
หยางเทียนเซิงหุบปากของเขาด้วยความตกใจ
เขารู้ถึงเหตุผลที่ไม่ยอมเสียเปรียบต่อหน้าความไม่อดทน ดังนั้นเขาจึงพาตัวเด็กผู้หญิงสองคนขึ้นมาเอง ถ้าเย่เฉินลงมือขึ้นมาจริงๆ ตัวเองจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร
ดังนั้น เขาจึงก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวโดยจิตสำนึก แต่ก็ยังพูดอย่างเย่อหยิ่งมากว่า “ไอ้หนู แกค่อยดู คุณฮงกำลังจะมาถึงแล้ว!”
“โอเค” เย่เฉินพยักหน้า “ตีสุนัขก็ต้องดูเจ้าของด้วย ในเมื่อแกพูดอย่างนั้นแล้ว ฉันก็จะรอไอ้แซ่ฮงมาแล้วค่อยจัดการกับแก!”
หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปที่เซวียซือหยู่ และถามว่า “คำถามที่ฉันถามคุณในตอนเมื่อกี้นี้ คุณยังไม่ได้ตอบฉันเลย เจ้าสุนัขแก่ตัวนี้ให้คุณแต่งตัวแบบนี้และมาที่นี่ใช่ไหม?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...
สะใจไอไรอันมากกก...
โง่ก็โง่อยุ่วันยันค่ำ แทนที่จะเอาเรื่องแจ้งความมาพูด ถ้าคน1,000คนแจ้งความ คนที่โดนจับก้คือพวก1,000คนเพราะพวกนี้มันก้รุ้ว่าคนในครอบครัวทำไรแต่ไม่ห้ามไม่แจ้งตำรวจ ถ้าตำรวจรู้ว่าพวกญาติรู้แต่ไม่แจ้งความ ก้โดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดแล้ว และพวกนี้ก้ไม่มีหลักฐานเอาผิดเฟนหยุน แต่ดันคืดไม่ได้เนี่ยน่ะ แต่สนุกมาก เป้นนิยายเรื่องแรกที่ติดงอม แหละอินมาก 555...
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...