สิ้นเสียง เขารีบเอ่ยกับเฉินจ้างโจงอีกว่า: “ไอ้โจง เงินก้อนนั้นที่ฉันตอบรับนาย วันนี้ฉันจะเขียนเช็คให้นาย!”
เฉินจ้างโจงที่อยู่ข้างๆ เอ่ยว่า: “คุณชายเย่ เงินก้อนนี้ผมไม่เอาหรอก บริจาคไปให้หมดเลยเถอะ”
เย่เฉินพยักหน้า เอ่ยว่า: “จะจัดการเงินก้อนนี้ยังไง ให้ลุงโจงจัดการเอง ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ผมซับพอร์ตลุง”
เฉินจ้างโจงเอ่ยต่อว่า: “หลายปีมานี้ผมซ่อนตัวที่อเมริกา ได้เจอเด็กกำพร้าชาวจีนที่เหมือนคนแกร่งมากมาย เพราะงั้น 20% ของเงินก้อนนี้ ให้ใช้ช่วยเหลือเหล่าเด็กกำพร้าชาวจีนที่อยู่ต่างประเทศเหล่านั้น ที่เหลือก็บริจาคให้ Project Hope ทั้งหมดเลยเถอะ”
“โอเค” เย่เฉินไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เอ่ยว่า: “ลุงโจงเป็นคนโอบอ้อมอารี ในเมื่อคุณตัดสินใจแล้ว ก็ทำตามที่คุณว่าเลย”
ในเวลานี้ฟางเจียซินที่เงียบมาตลอด หลังจากที่ลังเลมานาน อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือน: “ไอ้โจง...นาย...แม่ของนายเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง สภาพร่างกายย่ำแย่มาก กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเจียวหุ้ย นายเหลือเงินไว้รักษาแม่สักนิดจะดีกว่านะ...”
เฉินจ้างโจงอึ้งไปทันที จากนั้นเอ่ยถามว่า: “เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร?!”
“เมื่อสองสามวันก่อนนี้เอง...” ฟางเจียซินไม่กล้าสบตาเฉินจ้างโจง เอ่ยเสียงเบา: “ฉันไปเยี่ยมท่านมาแล้ว หมอบอกว่าสถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดี จะดีที่สุดถ้าส่งตัวไปรักษาที่อเมริกา ไม่อย่างนั้น...เกรงว่าจะเหลือเวลาไม่นาน...”
เฉินจ้างโจงกระวนกระวายใจอย่างถึงที่สุด เขามองหน้าฟางเจียซิน พร้อมเอ่ยอย่างซาบซึ้งใจ: “ขอบคุณครับคุณนายหลิว”
สิ้นเสียงก็หันหลังไปพูดกับเย่เฉิน: “คุณชายเย่ ผมอยากไปเยี่ยมแม่ของผมก่อน!”
เย่เฉินเอ่ย: “ลุงโจง ผมไปกับลุงด้วยดีกว่า”
เฉินจ้างโจงลังเลชั่วครู่ สุดท้ายตอบตกลงอยู่ดี เขาเอ่ยอย่างเคารพว่า: “ถ้างั้นก็ต้องรบกวนคุณชายเย่แล้วนะครับ”
หลิวม่านฉงเบือนหน้าไปอีกทางอย่างดื้อรั้น พร้อมเช็ดน้ำตาที่ไหลรินจากหางตาออก
เย่เฉินรู้สึกผิดอยู่ในใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไร จึงได้เอ่ยกับหลิวเจียฮุยว่า: “คุณหลิว ในเมื่อคุณม่านฉงไม่อยากคุยกับผม ก็อย่าไปบังคับเลย”
หลิวเจียฮุยฝืนหัวเราะด้วยความทำตัวไม่ถูกสุดขีด เขาพูดว่า: “เด็กน้อยก็งี้แหละครับ ไม่เข้าใจเรื่องมารยาท...เลยต้องมาขายหน้าต่อหน้าคุณเย่แบบนี้...”
เย่เฉินส่ายหน้าเบาๆ มองไปยังเฟ่ยเข่อซิน ปริปากพูดว่า: “คุณเฟ่ย ต้องลำบากคุณกับคุณหยวนบินมาตั้งไกลแบบนี้ ถ้าไม่รีบกลับไป ให้ผมเลี้ยงมื้อเย็นพวกคุณนะ”
เฟ่ยเข่อซินยิ้ม เอ่ยว่า: “ได้เลย ฉันไม่รีบเลย ถ้าคุณเย่ยังจะอยู่ที่เกาะฮ่องกางอีกสักหนึ่งถึงสองวัน ให้ฉันรอคุณที่เกาะฮ่องกางก็ได้ รอให้คุณเย่จัดการธุระเสร็จก่อน แล้วเราค่อยกลับพร้อมกันก็ได้”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...
สะใจไอไรอันมากกก...
โง่ก็โง่อยุ่วันยันค่ำ แทนที่จะเอาเรื่องแจ้งความมาพูด ถ้าคน1,000คนแจ้งความ คนที่โดนจับก้คือพวก1,000คนเพราะพวกนี้มันก้รุ้ว่าคนในครอบครัวทำไรแต่ไม่ห้ามไม่แจ้งตำรวจ ถ้าตำรวจรู้ว่าพวกญาติรู้แต่ไม่แจ้งความ ก้โดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดแล้ว และพวกนี้ก้ไม่มีหลักฐานเอาผิดเฟนหยุน แต่ดันคืดไม่ได้เนี่ยน่ะ แต่สนุกมาก เป้นนิยายเรื่องแรกที่ติดงอม แหละอินมาก 555...
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...