เธอหยุดชะงักไป ค่อยเอ่ยว่า: “พี่ใหญ่...อันที่จริง...อันที่จริงหลายปีมานี้ทางบ้านเราต้องขอบคุณการดูแลจากคุณฟางมากๆ ถึงทำให้เราเดินมาถึงวันนี้ได้...เพราะงั้นเรื่องในปีนั้น พี่อย่าไปเกลียดเธอนักเลยนะ...”
สีหน้าของเฉินจ้างโจงมีหลากหลาย และอดไม่ได้ที่ถามอีกว่า: “ตั้งหลายปีมานี้ พวกเธอทำไมไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังเลย?”
น้องสาวคนเล็กลังเลชั่วครู่ เอ่ยว่า: “คุณฟางไม่ให้เราบอกพี่ค่ะ...เธอบอกว่าเธอทำร้ายพี่สาหัสมากแล้ว ไม่อยากให้พี่ต้องมารังควานใจเพราะว่าเธอหลังจากที่จากพี่ไปอีก”
เวลานี้ ภายในใจของเฉินจ้างโจงสับสนปนเปกันไปหมด
แม้ว่าเขาจะปล่อยวางเรื่องที่ฟางเจียซินไปจากตนตั้งนานแล้ว ทว่าเมื่อได้ยินว่าฝ่ายนั้นไม่ลืมพ่อคนในครอบครัวตนมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจขึ้นมา
บางครั้ง หากอีกฝ่ายตัดความสัมพันธ์ได้เด็ดขาดพอ ฝ่ายที่เป็นฝ่ายเจ็บกลับจะสามารถเดินออกมาได้เร็วขึ้น
ทว่า กลัวก็แต่สถานการณ์ที่ตัดกันไม่ขาดไม่ชัดเจนนี่แหละ อยู่ๆ ก็รู้ว่าในใจของฝ่ายนั้นอย่างน้อยๆ ก็คงมีตนอยู่บ้าง ความรู้สึกแบบนั้นกลับทำให้คนจมปลักเข้าไปในนั้นได้ง่าย...
ณ เวลาเดียวกันนี้
ทั้งตระกูลหลิวก็ได้โดยสารรถกลับมายังคฤหาสน์หรูถนนชือซุน
ระหว่างทางที่กลับ หลิวเจียฮุยและฟางเจียซินนั่งอยู่บนรถคันเดียวกัน ส่วนหลิวม่านฉงก็ขับรถเทสลาของตัวเอง
หลิวเจียฮุยมองออกว่าลูกสาวของตนไม่ค่อยมีสติอยู่กับตัว กลัวจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ เลยบอกให้เธอมานั่งรถคันเดียวกันกลับไป ทว่าหลิวม่านฉงปฏิเสธ
หลิวม่านฉงหงุดหงิดใจ อยากจะอยู่เงียบๆ คนเดียว ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่า ระหว่างทางที่ขับรถกลับนั้น ในหัวจะคิดถึงแต่เย่เฉินเท่านั้น
ทั้งสามคนเดินเข้าคฤหาสน์ หลิวเจียฮุยให้สองคนพาตัวเองไปนั่งบนโซฟา
ชั่วขณะที่นั่งลง หลิวเจียฮุยถอนหายใจอย่างโล่งอกราวกับยกภูเขาออกจากอก เอ่ยตัดพ้อว่า: “ฉันหลิวเจียฮุยมีชีวิตอยู่มาได้ห้าสิบกว่าปี วันนี้เป็นวันที่น่ากลัวที่สุด...”
ฟางเจียซินที่อยู่ข้างๆ สะอื้นเสียงพร้อมน้ำตาเอ่ยว่า: “ขอโทษนะคะเจียฮุย ต้องโทษฉันแท้ๆ ...”
“ผมไม่โทษคุณหรอก” หลิวเจียฮุยโบกมือ ตัดพ้อว่า: “ผมกำเริบเสิบสานมาตั้งนานเองต่างหาก มักคิดว่าเป็นแค่เฉินจ้างโจงคนธรรมดา เป็นแค่หนอนสวะคนหนึ่งเมื่ออยู่ข้างหน้าผม ขอแค่เขาโผล่หน้าออกมา ผมก็สามารถตบเขาตายได้ทันที...แต่คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเย่ฉางอิงคนมีอำนาจคนนั้น จะยังมีลูกชายอยู่อีก...”
ฟางเจียซินเอ่ย: “เย่ฉางอิงคนนั้น ฉันเคยได้ยินเฉินจ้างโจงพูดให้ฟังเมื่อก่อน ถ้าฉันจำไม่ผิด เหมือนว่าเขาจะเป็นลูกเขยของตระกูลอานที่สหรัฐอเมริกา”
“ใช่...” หลิวเจียฮุยเอ่ยอย่างหวาดผวา: “เย่ฉางอิงตอนนั้น มีชื่อเสียงมากในแวดวงคนจีน แต่คนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือเมียของเขาอานเฉิงซี...นั่นคือแสงสว่างของคนจีนเลยนะ...ใครที่พูดถึงเธอก็จะต้องยกนิ้วโป้งให้โดยควบคุมไม่ได้เลยละ...”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...
สะใจไอไรอันมากกก...
โง่ก็โง่อยุ่วันยันค่ำ แทนที่จะเอาเรื่องแจ้งความมาพูด ถ้าคน1,000คนแจ้งความ คนที่โดนจับก้คือพวก1,000คนเพราะพวกนี้มันก้รุ้ว่าคนในครอบครัวทำไรแต่ไม่ห้ามไม่แจ้งตำรวจ ถ้าตำรวจรู้ว่าพวกญาติรู้แต่ไม่แจ้งความ ก้โดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดแล้ว และพวกนี้ก้ไม่มีหลักฐานเอาผิดเฟนหยุน แต่ดันคืดไม่ได้เนี่ยน่ะ แต่สนุกมาก เป้นนิยายเรื่องแรกที่ติดงอม แหละอินมาก 555...
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...