“ก็ใช่น่ะสิ” หลิวเจียฮุยเอ่ยอย่างเรียบเฉย: “ม่านฉง ลูกเป็นลูกคนแรกของพ่อ เพราะลูกเลยทำให้พ่อสัมผัสความรู้สึกของคนเป็นพ่อเป็นครั้งแรก เรื่องนี้น้องชายน้องสาวของลูกไม่มีทางเทียบได้ สำหรับประเด็นนี้ พ่อไม่มีทางทำร้ายลูก และไม่มีทางสละลูกเพื่อแลกกับผลประโยชน์ให้กับตัวเอง ดังนั้น สำหรับพ่อแล้ว ถ้าลูกไม่มีความรู้สึกกับเย่เฉิน ต่อให้ศักยภาพของเย่เฉินจะแข็งแกร่งแค่ไหน พ่อก็จะไม่มีวันผลักลูกลงไปในหลุมไฟหรอก แต่ปัญหาคือ ลูกคิดอะไรกับเย่เฉินเห็นๆ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมไม่พยายามทำให้ได้ผลดีด้วยกันทั้งสองฝ่ายล่ะ?”
หลิวม่านฉงเอ่ยอย่างลนลานเล็กน้อย: “หนู...หนูเปล่าจริงๆ นะ...หนูเพิ่งรู้จักกับเย่เฉินแค่ไม่กี่วันเอง...”
ฟางเจียซินที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้เอ่ยขึ้นมา: “ม่านฉง ความคิดของเธอแค่นี้ แม้แต่จะปิดบังสายตาน้าก็ยังไม่ได้ อย่าว่าแต่คุณพ่อเลย”
หลิวม่านฉงอึ้งไป และเข้าใจความหมายในคำพูดของฟางเจียซินดี
ในด้านนี้ คุณพ่อผ่านประสบการณ์มามากมาย ความคิดแค่นี้ของตน เกรงว่าในสายตาเขาคงมองทะลุตั้งนานแล้ว
เวลานี้ ฟางเจียซินเห็นสีหน้าสั่นคลอนของหลิวม่านฉง จึงรีบกล่าวเสริมเข้า: “ม่านฉง ถ้าลูกคิดอะไรกับเย่เฉินจริงๆ ก็อย่าทำเสียเวลาตัวเองเพราะเรื่องวันนี้เด็ดขาดเลยนะ เหมือนว่าเย่เฉินจะอยู่อีกไม่นานก็จะต้องไปแล้ว เธอจะต้องรีบคว้าโอกาสไว้นะ ห้ามทิ้งความเสียดายเอาไว้!”
หลิวม่านฉง กัดริมฝีปากล่างตัวเองเบาๆ อย่างช่วยไม่ได้ รู้สึกสับสนไปทั้งใจ
เธอโกรธเย่เฉินมาก็จริง ทว่าเย่เฉินเองก็ลอยอยู่ในหัวของเธอตลอดจริงๆ เหมือนกัน
ดังนั้น เธอจึงควักนามบัตรของเฟ่ยเข่อซินมา มองดูนานสองนาน ค่อยพูดกับทั้งสองคนว่า: “หนูขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ”
เมื่อเห็นว่าหลิวม่านฉงราวกับถูกคำพูดของตนเองกำราบแล้ว หลิวเจียฮุยเองก็โล่งอกไป ฟางเจียซินที่อยู่ตรงนั้นเอ่ยว่า: “ฉันจะไปโทรหาคุณท่านตระกูลฮั่วสักหน่อย ถามเขาว่าคฤหาสน์หลังนั้นขายราคาเท่าไร”
……
อีกด้านหนึ่ง
เย่เฉินไม่ได้ไปซาหลิ่งพร้อมกับครอบครัวเฉินจ้างโจง
“ได้สิคะ” เฟ่ยเข่อซินยิ้ม เอ่ยว่า: “คุณเย่กะจะพาฉันไปกินข้าวที่ไหนเหรอคะ?”
เย่เฉินครุ่นคิด เอ่ยว่า: “ได้ยินว่าร้านอาหารที่โรงแรมเหวินหวาหรูมาก เราไปกินกันที่นั่นก็แล้วกัน”
ฟางเจียซินยิ้ม ตอบว่า: “คุณเย่ ฉันได้ยินมาว่าที่เกาะฮ่องกางมีของทานเล่นที่มีชื่อเสียงมากมาย เราไปกินอะไรที่พื้นๆ หน่อยดีกว่าไหมคะ”
เย่เฉินรู้สึกทำตัวไม่ถูก
เพราะที่จริงแล้ว หลิวม่านฉงคุยกับเขาไว้แล้ว ว่าเย็นนี้จะไปกินข้าวที่ฟู้ดสตรีท
แม้เย่เฉินจะรับปากกับหลิวม่านฉงไว้แล้ว แต่เจตนาของเขาคือหลังจากที่จัดการเรื่องหลิวเจียฮุยเสร็จแล้ว ก็จะไม่ไปเจอหลิวม่านฉงอีก เพื่อเป็นการไม่อึดอัด

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...
สะใจไอไรอันมากกก...
โง่ก็โง่อยุ่วันยันค่ำ แทนที่จะเอาเรื่องแจ้งความมาพูด ถ้าคน1,000คนแจ้งความ คนที่โดนจับก้คือพวก1,000คนเพราะพวกนี้มันก้รุ้ว่าคนในครอบครัวทำไรแต่ไม่ห้ามไม่แจ้งตำรวจ ถ้าตำรวจรู้ว่าพวกญาติรู้แต่ไม่แจ้งความ ก้โดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดแล้ว และพวกนี้ก้ไม่มีหลักฐานเอาผิดเฟนหยุน แต่ดันคืดไม่ได้เนี่ยน่ะ แต่สนุกมาก เป้นนิยายเรื่องแรกที่ติดงอม แหละอินมาก 555...
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...