หลังจากนั้น เธอวิเคราะห์อย่างจริงจังว่า “ที่รัก คุณคิดดูสิ ฉันรู้จักนิสัยของคุณแม่ดีที่สุด และคุณก็น่าจะรู้เช่นกัน คุณแม่เป็นคนที่ชอบโอ้อวด อย่าพูดถึงว่าคุณมอบสร้อยคอให้คุณแม่หนึ่งเส้น แค่คุณมอบโซฟาที่แพง ๆ ให้คุณแม่ คุณแม่ก็แทบอยากจะลากออกไปโชว์กลางถนน แต่เมื่อสักครู่คุณมอบสร้อยคอราคาแพงให้คุณแม่ นึกไม่ถึงว่าคุณแม่จะไม่สวมทันที แต่กลับเก็บมันไว้เอาไว้.....นี่.....นี่มันไม่แปลกเหรอ?”
เมื่อเย่เฉินได้ยินการวิเคราะห์ของเซียวชูหรันแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมภรรยาที่โง่เขลาของตนเอง
ดูเหมือนว่าเซียวชูหรันจะรู้จักแม่ของตนเองเป็นอย่างดี ด้วยนิสัยของหม่าหลันแล้ว เมื่อเธอมีของมีค่าแล้วจะเก็บไว้ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ดังนั้น เมื่อสักครู่หม่าหลันเก็บสร้อยคอที่ตนเองมอบให้อย่างระมัดระวัง สำหรับเธอแล้วการกระทำเช่นนี้ค่อนข้างจะผิดปกติ
แต่เย่เฉินรู้อย่างชัดเจนว่าทำไมหม่าหลันถึงทำเช่นนั้น
เหตุผลไม่มีอะไรมากไปกว่าคำพูดเมื่อสักครู่ของตนเอง ที่บอกว่ายิ่งสภาพดี ขายมือสองก็จะได้ราคาดียิ่งขึ้น
เดาว่าหม่าหลันเสียดายที่จะใส่ ต้องการนำมันกลับในสภาพสินค้าใหม่ เพื่อจะขายได้ราคาดีขึ้น
ดังนั้นเย่เฉินกล่าวกับเซียวชูหรันด้วยรอยยิ้มว่า “ผมวิเคราะห์แล้ว คุณแม่อาจคิดว่าตอนนี้เวลาค่ำแล้ว ถึงแม้ว่าจะใส่ออกไปคนอื่นก็มองไม่ออก อีกอย่างคุณแม่ไปที่กลุ่มเดินวิบากอาจจะต้องเคลื่อนไหวมาก ซึ่งไม่เหมาะกับการสวมใส่เครื่องประดับ คุณอย่าคิดมาก”
เซียวชูหรันส่ายศีรษะและกล่าวอย่างจริงจัง “ฉันคิดว่าเรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้น คุณคอยดูสิว่าพรุ่งนี้คุณแม่จะสวมสร้อยเส้นนั้นไหม ถ้าพรุ่งนี้คุณแม่ไม่สวม ฉันเดาว่าคุณแม่อยากจะขายสร้อยคอเส้นนั้นอย่างแน่นอน”
เย่เฉินคิดไม่ถึงว่าเซียวชูหรันจะทำนายหม่าหลันได้แม่นยำขนาดนี้ เขาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณอย่าคิดมากขนาดนั้น ในเมื่อผมมอบให้คุณแม่แล้ว คุณแม่จะทำอย่างไรมันก็เป็นสิทธิ์ของคุณแม่ พวกเราไม่มีสิทธิ์ยุ่ง”
นับตั้งแต่ตอนที่เฟ่ยเข่อซินกับเย่เฉินนั่งเครื่องบินจากเกาะฮ่องกง เฟ่ยเจี้ยนจงก็ตั้งหน้าตั้งตารออยู่ที่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ และรอเป็นเวลาทั้งวัน
ถึงแม้ว่าเฟ่ยเจี้ยนจงอาศัยยาช่วยหัวใจครึ่งเม็ดที่เย่เฉินมอบให้จนสามารถช่วยชีวิตตนเองเอาไว้ได้ แต่เขารู้อย่างชัดเจนว่าตอนนั้นตนเองกำลังจะตาย ประสิทธิภาพของยามากกว่าครึ่งเป็นการช่วยชีวิต ไม่ใช่ช่วยยืดชีวิต
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมตอนนั้นเย่เฉินจึงกล่าวว่ายาเม็ดครึ่งเม็ดสามารถทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้อีกหนึ่งปี อย่างมากที่สุดก็สองปี
เป็นเพราะเหตุนี้เอง ทำให้เฟ่ยเจี้ยนจงได้เริ่มนับถอยหลังชีวิตของตนเอง เขาตั้งความหวังส่วนใหญ่ไว้ที่การประมูลยาอายุวัฒนะในปีหน้า แต่เขายังคงกังวลเรื่องนี้มาก
เพราะตอนนี้ตนเองไม่ใช่ผู้นำตระกูลเฟ่ยแล้ว เมื่อก่อนตอนที่ตนเองเป็นผู้นำตระกูลเฟ่ย ก็ยังไม่สามารถประมูลยาอายุวัฒนะได้สำเร็จ ตอนนี้ตนเองได้สละตำแหน่งแล้ว สถานการณ์ปีหน้ายังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...