ว่านพั่วจวินวางโทรศัพท์เย่เฉิน จากนั้นนำเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลหลายคนจากสำนักว่านหลง ตรวจสอบเอกสารการดำเนินการของคนกว่าสิบอย่างละเอียด
หลังจากนั้น พวกเขาก็ได้ข้อสรุป เกือบทั้งหมดของจำนวนคนที่หายไป ต่างก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเม็กซิโก และไม่มีข้อยกเว้น ทั้งหมดต่างหายสาบสูญที่ท่าเรือของเมืองเม็กซิโก
และที่บังเอิญไปมากกว่านั้น ครอบครัวของพวกเขาในข่าวที่ให้ข้อมูลกับทางตำรวจ ต่างบอกว่าพวกเขาไปเม็กซิโก เพื่อไปเม็กซิโกสมัครงานเป็นกะลาสีเรือ
และตามปฏิกิริยาของพวกเขา พวกเขาต่างติดต่อกับคนเชื้อสายจีนคนหนึ่งที่มีความสามารถ อีกอย่างจากการแนะนำของอีกฝ่าย จึงเลือกอาชีพกะลาสีเรือ
เพราะคนเชื้อสายจีนคนนั้นเคยพูดกับคนในบ้าน งานของกะลาสีเรือนั้นลำบาก บางทีครึ่งปีหรือครึ่งปีกว่าจะต้องร่อนเร่อยู่ในทะเล ไม่สามารถติดต่อกับทางบ้านได้
ยังบอกว่าบางคนหลังจากโดนสั่งให้ไปบนเรือจับปลา ออกทะเลครั้งหนึ่งก็ปีกว่า
ก่อนที่ผู้หายสาบสูญจะออกเดินทางคนในครอบครัวก็เตรียมใจไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะงั้นตอนที่พวกเขาติดต่อผู้หายสาบสูญไม่ได้ ภายในเวลาครึ่งปีหรือแม้กระทั่งหนึ่งปี พวกเขาจึงไม่รู้สึกผิดปกติเลยแม้แต่น้อย
รอจนเวลานานเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในตอนที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรบางอย่างผิดปกติ เวลาก็มักจะผ่านไปอย่างน้อย 1 ปีแล้ว นานจนกระทั่งปีกว่า
ในเวลานี้คนในครอบครัวไปหาคนเชื้อสายจีนคนนั้นเพื่อปรึกษา อีกฝ่ายก็ติดต่อไม่ได้แล้ว
คนในครอบครัวตระหนักว่าเรื่องราวไม่ถูกต้อง ในตอนที่ไปแจ้งความกับตำรวจ คดีนี้ก็พลาดช่องทางการไขคดีที่ดีที่สุดไปแล้ว
นอกจากนี้ เนื่องจากผู้เสียหายหายตัวไปในเม็กซิโก ถึงแม้ตำรวจอยากจะสืบสาวราวเรื่อง ขุดลึกลงไป ก็มีแค่ใจที่เหลือเฟือแต่พละกำลังมากพอ
เพราะตลอดมาก็ไม่มีคนที่สามารถก้าวก่ายกลุ่มอาชญากรรมของเม็กซิโกได้
เว้นแต่ จะเป็นกลุ่มอาชญากรรมที่ใหญ่กว่า
เพราะงั้น คนเหล่านี้ที่หายสาบสูญไปในเม็กซิโก ทางด้านตำรวจสหรัฐอเมริกาก็ยากจะเข้าไปตรวจสอบ ดังนั้นสุดท้ายโดยพื้นฐานต่างก็กลายเป็นคดีที่ไม่สามารถปิดได้
ในตอนที่ว่านพั่วจวินรวบรวมข้อมูลให้กับเย่เฉิน เย่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำกับตัวเอง : “แปลก ถ้าพวกเขาหลอกคนไปที่เม็กซิโก จากนั้นให้พวกเขานำของผิดกฎหมายจากเม็กซิโกกลับมาอเมริกา ฉันพอจะเข้าใจได้ แต่หลังจากที่พวกเขาหลอกคนไปเม็กซิโก คนก็หายสาบสูญ มันแปลก ๆ พวกเขาหลอกคนพวกนี้ไปเม็กซิโก จะสร้างมูลค่าอะไรให้กับพวกเขากัน ?”
ว่านพั่วจวินกล่าว : “คุณเย่เรื่องนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ไม่เข้าใจมาพักหนึ่งแล้ว และผมยังพบจุดเด่นอีกอย่าง คนทั้งหมดที่หายตัวที่เม็กซิโก สภาพครอบครัวต่างก็เหมือนกับลูกชายของโจวปี้หัว อย่างมาก ต่างก็เป็นคนประเภทและครอบครัวที่กำลังจะล้มละลายหรือล้มละลายไปแล้ว พูดตรง ๆ ก็คือ คนที่โดนหลอกไปเม็กซิโกต่างก็เป็นคนจน”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...