ที่จริงข้อมูลพวกนี้ของหล่างหงจวินเย่เฉินอ่านหมดแล้ว ที่ถามอีกรอบ ก็เพียงหาโอกาสทำความคุ้นเคยกับเขา และถือโอกาสพูดคุยเพื่อเข้าใจอุปนิสัยของคนคนนี้
เย่เฉินเห็นอีกฝ่ายใส่ในในสัญชาติมาก พูดถึงตัวเองในตอนนี้ที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนของรัฐ ภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ในใจไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเอือมระอา
ที่จริงแล้วเขาไม่ชอบคนประเภทนี้
มีบัณฑิตของมหาลัยมีชื่อในจีนหลายคน และนักศึกษาแลกเปลี่ยนทุนรัฐบาลเหล่านั้น สุดท้ายเลือกอยู่ต่างประเทศ ว่ากันว่าบัณฑิตที่จบจากชิงหวาที่เลือกอยู่ซิลิคอนแวลลียมีมากกว่าหมื่นคน
แน่นอน เรื่องที่ไปศึกษาต่อเป็นความสมัครใจส่วนตัว แต่สถานการณ์ของหล่างหงจวินไม่เหมือนคนอื่น ถึงอย่างไรก็เป็นนักเรียนทุนแลกเปลี่ยนของรัฐ ใช้เงินของประเทศมาแลกเปลี่ยน เขาควรกลับไปรับใช้ประเทศหลังเรียนจบ แต่เลือกที่จะอยู่อเมริกา พฤติกรรมแบบนี้ดูจากคุณลักษณะ ไม่มีน้ำใจ เพราะงั้นทำให้ในใจของเย่เฉินยากจะมีความรู้สึกดีด้วย
ดังนั้น ในเวลาที่พูดคุยไม่กี่ประโยค เขาก็เริ่มรังเกียจหล่างหงจวิน
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เปลี่ยนอารมณ์มากเกิน จงใจเยินยออีกฝ่าย : “จำนวนเงินของนักเรียนแลกเปลี่ยนรัฐบาล ว่ากันว่าสูงมาก ๆ คุณนี่เก่งจริง ๆ !”
ได้ยินคำพูดชมเชยของเย่เฉิน ใบหน้าของหล่างหงจวินก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ไม่เพียงแต่ทัศนคติที่มีต่อเย่เฉิน แต่ก็เป็นมิตรมากขึ้น พูดด้วยรอยยิ้ม : “ในยุคนี้ของพวกเรา ความต้องการของนักเรียนแลกเปลี่ยนของรัฐนั้นสูงมากจริง ๆ โรงเรียนหนึ่งก็มีคนจำนวนน้อยมากเพียงไม่กี่คน”
เย่เฉินพยักหน้า ถามด้วยความสงสัย : “ใช่แล้ว คุณจะไปเม็กซิโกทำไมเหรอ ? ไปทำงานธุระ หรือไปทำธุรกิจ ?”
การแสดงออกของหล่างหงจวินชะงักครู่หนึ่ง ไม่นานนักก็พูดอย่างไม่เป็นธรรมชาติ : “ฉะ...ฉันไปทำงาน...”
หล่างหงจวินถามอย่างไม่เข้าใจ : “แอบอยู่ในสหรัฐอเมริกาไม่ได้ก็กลับประเทศได้นี่ ถึงแม้ว่าสิ่งแวดล้อมประเทศจีนจะเทียบไม่ได้กับสหรัฐอเมริกา แต่ก็ดีว่าเม็กซิโกมากแน่นอน”
เย่เฉินพูดอย่างเก้อเขิน : “บอกตามตรง เพราะฉันอยู่ในประเทศต่อไปไม่ได้ถึงได้ออกมา ก่อนหน้านี้ติดหนี้ไม่น้อยในประเทศ กลับไปตอนนี้ ไม่แน่ว่าจะถูกจับ”
หล่างหงจวินได้ยินคำพูดนี้ หัวเราะร่า และพูด : “นายยืมเงินแล้วหนีเหรอ ?”
“เฮ้...” เย่เฉินยิ้มเยาะ พูดอย่างเก้อเขิน : “ยืมมาค่อนข้างเยอะ บวกกับที่การค้าไม่ดี ขาดทุนค่อนข้างมาก คืนก็คืนไม่ไหว ทำได้แค่หนีหนี้ออกมาก่อน”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...