คู่สายคิดสักพักแล้วเอ่ยปากว่า: “เอาอย่างนี้ นายหาเหตุผลขอดูพาสปอร์ตของเขาว่ามาจากเมืองจีนหรือเปล่า ถ้าเขาถือพาสปอร์ตจีนจริงก็ไม่น่าใช่เสาะจากอเมริกาแน่นอน”
ชายหนุ่มพูดสะท้อนความคิดพูดว่า: “แล้วพาสปอร์ตจะไม่ปลอมแปลงเหรอ……พวกเราทำพาสปอร์ตปลอมมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่……ถ้าเขาเป็นเสาะจริง พาสปอร์ตอย่างไหนที่เขาจะทำไม่ได้ล่ะ?”
คู่สายหัวเราะเอ่ยว่า: “นายมันโง่ ไม่รู้จักดูข้อมูลผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเหรอ? พาสปอร์ตปลอมนั่นหลอกเราได้แต่หลอกด่านตรวจคนเข้าเมืองไม่ได้หรอก นายดูที่ตราประทับบันทึกการเข้าเมืองมอสโคว์ว่าประทับวันนี้เหรอเปล่า แล้วก็ดูว่าก่อนหน้าตราประทับที่ออกจากเมืองจีนไปอเมริกาเป็นเร็ว ๆ นี้เหรอเป่า ถ้าใช่ก็รับรองว่าเขาไม่ใช่เสาะแน่นอน นายก็วางใจพาเขามาได้ ส่วนทางฉันจะเตรียมคนไว้ต้อนรับ พอคนมาถึงก็จับคุมขัง เท่ากับเจ้าโง่มาถึงที่เองไม่ใช่เหรอ?”
“เฮ้อ!” คนหนุ่มผ่อนคลายขึ้นเยอะหัวเราะในทันทีเอ่ยว่า: “อาหม่า ถ้าบอกว่าขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดก็ต้องเป็นอานี่แหละ!”
เจ้าหนุ่มในเวลานี้ในที่สุดก็โล่งใจขึ้น หลังจากวางสายด้วยความดีใจ ก็หันกลับไปหาเย่เฉินกับหล่างหงจวินคนทั้งสอง
เจ้าหนุ่มในเวลานี้ไม่รู้เลยว่า ขั้นตอนทั้งหมดที่เขารายงานไปในโทรศัพท์ถูกเย่เฉินได้ยินอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
ด้านหนึ่งเย่เฉินก็ประหลาดใจกับความเฝ้าระวังขององค์กรนี้ อีกด้านก็อดทอดถอนใจไม่ได้ว่า ต่อหน้ากำลังที่เบ็ดเสร็จ แผนการที่รัดกุมและสุขุมเหมือนไม่มีความหมาย
ฉะนั้น แม้พวกเขาจะสุขุมเช่นนี้ แต่นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าพวกเขาจะฉลาดแค่ไหน สุขุมแค่ไหน ก็หนีจุดจบการถูกแก๊งทลายไม่พ้น
เจ้าหนุ่มไม่รู้เลยว่าความวิบัติกำลังมาถึง ยังนึกว่าหล่างหงจวินเป็นของแถม หัวเราะเหอะ ๆ กลับไปยังคนทั้งสองยิ้มแล้วเอ่ยกับเย่เฉินว่า: “ดวงนายนี่มันดีจริง ๆ ปกติพวกเราเข้มงวดเรื่องรับสมัครคนมาก ไม่เพียงต้องส่งข้อมูลมาก่อน ยังต้องตรวจร่างกายอย่างเข้มงวดถึงจะมีความเป็นไปได้ แต่เที่ยวนี้พวกเรากำลังจะออกเรือแล้ว ขาดลูกมืออยู่หนึ่งคนพอดี ถ้านายสนใจก็กลับไปสัมภาษณ์กับฉัน ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ทำงานได้เลย”
อีกฝ่ายพลิกดูแล้วแน่ใจว่าไม่มีปัญหาจึงยื่นพาสปอร์ตให้เย่เฉินเอ่ยปากว่า: “อย่างนั้นพวกเราก็รีบไปกันเถอะ จากที่นี่ไปท่าเรือเอนเซนาดายังอีกร้อยกว่ากิโลเมตร”
ทั้งสองคนตกลงอย่างสบายใจ จากนั้นก็มาที่ลานจอดรถสนามบินโดยการนำพาของเจ้าหนุ่ม
ทั้งสามคนมาถึงหน้ารถกระบะเชฟโรเลตคันหนึ่ง ที่นั่งคนขับมีชายชาวมอสโคว์ผิวสีน้ำตาลนั่งอยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มผู้นี้รูปร่างเทอะทะ ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร
เจ้าหนุ่มเปิดประตูข้างคนขับ หันไปพูดกับเย่เฉินกับหล่างหงจวินว่าหล่างหงจวิน: “นี่เป็นรถของบริษัท คนขับรถเป็นบอดี้การ์ดของผู้จัดการใหญ่เรา มอสโคว์ไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ต้องพึ่งบอดี้การ์ดคุม พวกนายอย่าเห็นว่าหน้าเขามีแต่ริ้วรอยไม่เหมือนคนดี ที่จริงเป็นชาวมอสโคว์มีน้ำใจทีเดียว”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...