เจ้าหนุ่มหัวเราะพูดว่า: “เฮ้อ ที่มอสโคว์นี่เป็นเรื่องปกติ สถานที่อย่างมอสโคว์แค่นายออกนอกเมืองโทรศัพท์มือถือก็ไม่มีสัญญาณแล้ว”
หล่างหงจวินพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นก็วางโทรศัพท์มือถือลง มองแผ่นดินที่อ้างว้างเหมือนทะเลทรายนอกหน้าต่างแล้วถามเย่เฉินว่า: “น้องชาย นายจากอเมริกามามอสโคว์รู้สึกถึงความแตกต่างมั๊ย? นายดูป่าเวิ้งว้างข้างนอกสิ ไม่ต่างจากดินแดนที่ไร้ผู้คนเลย”
เย่เฉินหัวเราะบอกว่า: “คนอย่างผม เรื่องปรับตัวเป็นจุดแข็งของผมเลย วันนี้คุณให้ผมอยู่ห้องเพนท์เฮาส์โรงแรมห้าดาว ผมก็ไม่รู้สึกตื่นเต้น พรุ่งนี้คุณให้ผมกางเต็นท์อยู่ป่าเวิ้งว้าง นอนกลางดินกินกลางทราย ผมก็ไม่รู้สึกแย่”
หล่างหงจวินหัวเราะพูดว่า: “นิสัยแบบนี้ของนายน่ะดี นิสัยแบบนี้ของนายจัดอยู่ในมาตรฐานของพวกมองโลกในแง่ดี ไปไหนก็ปรับตัวได้เร็ว”
“ใช่” เย่เฉินพยักหน้าหัวเราะว่า: “หลายปีมานี้ผมก็ผ่านชีวิตมาหลากรูปแบบ ไม่กล้าพูดหรอกว่าเห็นมากรู้มาก แล้วใครจะเกลียดหรือจะชอบก็ไม่ได้สนใจ”
หล่างหงจวินชูหัวแม่มือให้กล่าวชมว่า: “ถ้าฉันเป็นคนปล่อยวางแบบนายได้ก็ดี”
พูดจบ สายตาก็มองเหม่อไปไกล ขณะที่สายตาเขามองไปที่ผืนป่ากว้างใหญ่ อยู่ ๆ เห็นอะไรแวบ ๆ คิ้วก็ขมวดขึ้นทันที
จากนั้น เขาก็เอามือถือขึ้นมาตั้งค่า ท่าทางเพ่งมากขึ้นจนตึงเครียด
เย่เฉินกวาดตาเห็นการเปลี่ยนแปลงของหล่างหงจวิน เขายังเห็นหล่างหงจวินดูคนมอสโคว์ที่ขับรถอยู่อย่างระแวดระวัง อดคิดในใจไม่ได้ว่า: “หล่างหงจวินหมอนี่ คงไม่พบพิรุธเข้าหรอกนะ?”
ขณะที่กำลังคิดอยู่ หล่างหงจวินก็หยิบมือถือขึ้นมา กดข้างบนสักพักแล้วส่งให้เย่เฉินหัวเราะบอกว่า: “น้องชาย ดูภาพถ่ายลูกชายผมสิ รูปหล่อมากเลย”
หล่างหงจวินรับมือถือมาก็หัวเราะแล้วพูดว่า: “ลูกชายผมหน้าตาเหมือนแม่ ผมจะบอกให้ อย่าเห็นว่าผมหน้าตาไม่ดี แต่เมียผมเรียกว่าหน้าตาสวยเลยล่ะ รอเดี๋ยวนะ ผมจะหารูปตอนเมียผมสาว ๆ ให้ดู!”
พูดจบ มือหนึ่งก็พิมพ์มือถือไปแล้วก็บ่นพึมพำว่า: “ให้ตาย รูปถ่ายในมือถือของผมเยอะเหลือเกิน เป็นหมื่นรูป หาขึ้นทีกินแรงไม่น้อย”
ผ่านไปสักพักเขาจึงยื่นมือถือให้เย่เฉินพูดว่า: “นี่ ดูนี่ นี่เป็นรูปถ่ายงานแต่ของเราสองคน ตอนนั้นยังไม่มีโปรแกรมรีทัช ปรับรูป หรือกล้องถ่ายให้สวยอะไรพวกนี้”
เย่เฉินรับมือถือมาเห็นข้อความข้างในว่า: “น้องชาย เจ้าหมอนั่นที่ขับรถบอกว่าที่นี่ไม่มีสัญญาณมือถือ แต่เมื่อกี๊ผมเห็นเสาสัญญาณมือถือในท้องทุ่งที่ห่างไปประมาณหนึ่งถึงสองกิโลเมตร แม้จะเห็นลาง ๆ แต่เดิมตัวผมทำงานด้านการโทรคมนาคม หน้าตาเสาสัญญาณเป็นยังไง ผมมองแวบเดียวก็รู้ ว่าตามหลัก ต่อให้อุปกรณ์ของสถานีฐานเก่าแค่ไหน ก็ไม่ควรแค่ไม่กี่กิโลเมตรก็ไม่มีสัญญาณแล้ว โดยเฉพาะที่นี่ไม่มีอะไรบดบังตลอดสิบกว่ากิโลเมตร สัญญาณไม่น่าไม่ครอบคลุม ผมเลยคิดว่าต้องมีอะไรไม่ชอบกลแน่!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...