พูดจบเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูท่าท่าทางโหดร้ายพลันเอื้อมมือมาเปิดประตูรถทางเบาะหลังในทันที
จากนั้น พวกเขาพลันเอาปลายกระบอกปืนชี้มาทางเย่เฉินและหล่างหงจวิน พร้อมทั้งร้องตะโกนเสียงดังกระโชกโฮกฮากออกมา
ทว่า เป็นเพราะว่าเย่เฉินฟังภาษาสเปนไม่ออก จึงไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพล่ามอะไรออกมา แต่มันกลับให้เขารู้สึกว่าคนพวกนี้ทำตัวน่ารำคาญเอามาก ๆ
เย่เฉินรีบเอามือทั้งสองข้างยกขึ้นหัว พร้อมทั้งร้องตะโกนออกมาว่า “มีอะไรพูดกันดี ๆ ก่อนครับ อย่าเพิ่งยิ่งอย่าเพิ่งยิงพวกผมพวกคุณไม่ใช่อยากได้เงินของพวกผมเหรอ? ในกระเป๋าผมมีพันกว่าดอลล่าห์ พวกคุณเอาไปให้หมดเลย! ถ้ายังไม่พออีก ถ้าอย่างนั้น กระเป๋าสัมภาระของพวกผม ผมให้คุณหมดเลย!”
ชายหนุ่มที่ได้ยินนั้น พลันหัวเราะออกมาด้วยความเย็นชา “พูดเรื่องอะไรไร้สาระออกมา? ฉันบอกให้พวกแกลงจากรถมาให้หมด พวกแกฟังไม่เข้าใจเหรอ?”
เย่เฉินรีบร้อนพูดออกมาว่า “เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว”
พูดจบพลันรีบร้อนก้าวขาลงจากรถไปในทันที
หลังจากที่ลงจากรถนั้น พลันมีชายฉกรรจ์สองคนเข้ามาล็อกตัวขนาบข้างซ้ายขวาของเขาในทันที จากนั้นจึงมักข้อมือของเขาเอาไว้ข้างหลัง ด้วยเชือกไนลอนเส้นประมาณหนึ่งเซน
เชือกไนลอนชนิดนี้มีความแข็งแรงทนทานเป็นอย่างมาก แม้ว่าในยามปกติจะมัดข้อมือทั้งสองข้างเอาไว้ด้วยกันแบบนี้ ถ้าพวกเขาเอาเชือกมัดเข้าแขนจนรัดเข้าไปในเนื้อจนล็อกติดเข้ากับกระดูกแล้ว พวกเขายังไงก็ไม่มีทางแก้เชือกออกได้แน่
อีกทั้งตัวล็อกของเชือกไนลอนชนิดนี้ ยังต้องแก้ไปในทิศทางเดียวกันอีกด้วย ยิ่งพวกเขาใช้เชือกดึงมัดแรงมากเท่าไหร่ มันก็จะไม่มีทางหลวมดังนั้นพวกกลุ่มอาชญากรเหล่านี้จึงชื่นชอบใช้เพื่อเอาไว้ขู่บังคับเหยื่อ
ดูจากประสบการณ์ของพวกเขาแล้วยังไม่เคยมีใครแก้มัดเชือกพวกนี้ออกมาได้แน่
พื้นที่ด้านล่างโดยส่วนใหญ่มีทางเดินหนึ่งเส้น ทางฝั่งซ้ายขวาถูกแบ่งแยกออกกันอย่างชัดเจน ด้านซ้ายพลันมีประตูเหล็กที่คล้ายกับห้องขัง ด้านในมีคนอยู่ประมาณเจ็ดถึงแปดคน ฝั่งขวาเป็นเพียงม่านสีขาวผืนใหญ่ที่ถูกลากมาคลุมปิดเอาไว้ ทำให้มองไม่ออกว่าด้านหลังผ้าม่านผืนนั้นมีสิ่งใดซ่อนไว้อยู่ด้านหลังกันแน่
ทว่า ทั่วพื้นดินด้านล่างกลับเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อรุนแรงมาก อีกทั้งยังมีกลิ่นที่เข้มข้นจนแทบจะสำลักออกมา นอกจากนั้น ยังได้ยินเสียงเครื่องช่วยหายใจพร้อมกับเสียงเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ ดังออกมาเป็นระยะ
เย่เฉินจึงพอจะเดาได้ว่า ที่นี่คงเป็นห้องผ่าตัดขนาดเล็ก
อีกทั้ง เย่เฉินยังสัมผัสได้อีกว่า ด้านหลังม่านผืนใหญ่แผ่นนั้น มีคนที่ร่างกายอ่อนแอสองคน กำลังผล็อยหลับไปด้วยความอาการที่สาหัส
ในเวลาเดียวกัน บนทางเดินพลันมีชายผิวเหลืองอายุราว ๆ ประมาณห้าสิบได้ปรากฏตัวขึ้น พร้อมทั้งมุ่งหน้าเข้ามาหาหล่างหงจวินโดยไม่สนใจผู้คนที่อยู่รอบด้าน จากนั้นจึงเหลือบมองไปยังเย่เฉินที่ยืนอยู่ข้างกาย พร้อมทั้งหันไปถามกับชายหนุ่มคนนั้นว่า เดินเข้ามา “อะเหลี้ยง คนพวกนี้ถูกได้รับการยืนยันตัวตนแล้วเหรอ?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...