เมื่อได้ยินคำถามจากฝ่ายตรงข้ามแบบนั้น เย่เฉินเพียงแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย พร้อมกับพูดขึ้นด้วยท่าทีเฉยเมยว่า “ฉันไม่เพียงแต่รู้จักเหมยอวี้เจิน ฉันเคยไปกินข้าวกับเธอด้วย ตอนที่เธออยู่ที่พรอวิเดนซ์ เธอมีนามแฝงว่าเฉินลี่ผิง ข้างกันยังมีคนที่ชื่อว่าสวีเจี้ยนสี่ด้วย ที่ทำการแสดงคู่กับเธอใช่ไหม ฉันพูดถูกหรือเปล่า ?”
เมื่อได้ยินเย่เฉินพูดออกมาแบบนั้นแล้ว ไม่เพียงแต่สีหน้าของอาหม่าที่ตกตะลึงไป แม้แต่หล่างหงจวินเองยังอ้าปากค้างไปด้วย
เขาไม่รู้ว่าเหมยวี่เจินเขาคือใครแต่เขารู้จักกับเฉินลี่ผิง!
เป็นเฉินลี่ผิงเองที่ไปบอกกับแม่เขาว่า ประเทศเม็กซิโกกำลังเปิดรับสมัครลูกเรือ อีกทั้งยังมีสวัสดิการดี ๆ รองรับ
แม่ของเขายังคงรู้สึกขอบคุณเธอด้วยความซาบซึ้งใจ เธอคิดว่าเฉินลี่ผิงคนนี้เป็นคนที่ช่วยเหลือครอบครัวของพวกเราเอาไว้
แต่ใครจะไปรู้ว่า ผู้หญิงของคนนี้กลับมีจิตใจโหดเหี้ยมกล้าควักหัวใจของเขาออกมาขายหาเงินแบบนี้ได้!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะกันไปถามกับเย่เฉินว่า “น้องชาย นาย นายรู้จักกับเฉินลี่ผิงได้ยังไงกัน?! หรือว่านายก็ถูกเฉินลี่ผิงหลอกพามาเหมือนกันเหรอ?!”
เย่เฉินพลันหัวเราะออกมาว่า “พี่ชาย ด้วยความสามารถของเฉินลี่ผิงแล้ว เธอไม่สามารถหลอกผมได้หลอก”
อาหม่าพลันมองไปที่เย่เฉินด้วยท่าทีไม่ค่อยวางใจ ภายในใจพลันรู้สึกตื่นตระหนกไปไม่น้อย
เขากลับรู้สึกว่า ถ้าเย่เฉินรู้จักตัวตนของเหมยอวี้เจินแล้ว และยังกล้าที่เดินเข้ามาจับเสือด้วยมือเปล่าอีก นั่นหมายความว่าต้องมีคนคอยอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่นอน
อาหม่าซ่อนอาการประหม่าเอาไว้ พลันถามเย่เฉินว่า “น้องชาย นายคิดจะทำอะไรกันแน่? ในเมื่อนายรู้จักธุรกิจของเราแล้ว นายก็น่าจะรู้ว่า พวกเราเป็นกลุ่มฆาตกรที่ฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตา แม้ว่านายของน้องชายจะใหญ่ก็จริง แต่บนพื้นที่หนึ่งในสามของในเม็กซิโกนี้ ฉันไม่คิดกลัวนายเลยแม้แต่น้อย”
เย่เฉินยิ้มออกมาเล็กน้อยและพูดว่า “ฉันเห็นว่า ที่นี่ส่วนใหญ่มีแต่ชาวเม็กซิกัน ดูท่าแล้ว นายที่มาจากประเทศจีนก็คงจะเป็นเรื่องยากเหมือนกันที่จะมาสร้างเส้นทางการค้าที่นี่ได้ เจ้านายของพวกแกไม่อยู่ที่นี่เหรอ?”
หม่าขุยพลันพยักหน้าลงและพูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “เจ้านายของเรามีสายธุรกิจหลายประเภท นี่เป็นเพียงหนึ่งในธุรกิจนั้นเท่านั้นแหละ ฉันเป็นเพียงแค่คนดูแลที่นี่ นายเคยติดต่อกับเหมยอวี้เจินมาแล้ว นั่นก็คือเส้นทางติดต่อของพวกเราที่อยู่ในอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาหรือแคนาดาพวกเราล้วนแต่มีเส้นสายหมด ที่เชี่ยวชาญในการจัดส่งเสบียงให้ฉัน”
เย่เฉินพยักหน้าลงมาเล็กน้อยและพูดว่า “ฉันมีธุรกิจใหญ่ต้องการคุยกับเจ้านายของพวกแก แกก็โทรหาเขาให้เขามาที่นี่ ฉันจะคอยรอเขาอยู่ที่นี่เอง ”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...