หม่าขุยขมวดคิ้วลงเล็กน้อย พลันพูดออกมาด้วยความระมัดระวังว่า “น้องชาย ถ้านายไม่ยอมเปิดเผยตัวตนออกมาละก็ พวกเราไม่สามารถแจ้งหาเจ้านายของพวกเราได้หรอก เจ้านายของเราเป็นหนึ่งในหัวหน้ากลุ่มอาชญากรในเม็กซิโก อย่างน้อยก็ติดหนึ่งในสิบของประเทศ นายอยากให้เขามาหา นายก็ต้องเปิดเผยตัวตนของตัวเองก่อน พวกเรา ถึงจะสามารถเชิญเขามาได้”
เย่เฉินยิ้มอย่างเหยียดหยามออกมา พร้อมกับดึงตัวล็อกของเชือกไนลอนออกมาอย่างเงียบ ๆ
ทันใดนั้น เขาพลันหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าของเขาอย่างใจเย็น มันก็คือแบล็กการ์ดที่มีจำนวนจำกัดในโลกและในประเทศจีนมีผู้ถือครองใบนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ในตอนนี้เอง ทุกคนก็ตระหนักได้แล้วว่า เย่เฉินสามารถหลุดออกจากเชือกไนลอนแล้วจริง ๆ ในตอนที่ทุกคนกำลังมีสีหน้าที่ตกตะลึงนั้น ก็ไม่ทันที่พวกเขาจะได้คิดบัญชีอะไรกับเย่เฉิน เย่เฉินก็แกว่งแบล็กการ์ดในมือไปมา
จากนั้น เขาก็โยนแบล็กการ์ดไปให้หม่าขุยโดยตรง พลางพูดเยาะเย้ยว่าออกมาว่า “มาเถอะ ลืมตาสุนัขของพวกแกเอาไว้ และมองฉันดีๆ พวกแกรู้จักสิ่งนี้หรือเปล่าล่ะ”
หม่าขุยเอื้อมมือออกไปด้วยความตื่นตระหนก เมื่อจับแบล็กการ์ดได้แล้วนั้นพวกเขาพลันสบตาด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดไปในทันทีด้วยความตกใจ!
แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นแบล็กการ์ดของซิตี้แบงก์มาก่อน แต่เขาก็เคยได้ยินผ่าหูมาบ้างเหมือนกัน
หม่าขุยอดที่จะคิดในใจไม่ได้ว่า “บัดซบเอ๊ย แบล็กการ์ดแบบนี้ ทั่วโลกมีไม่กี่คนเท่านั้นแหละที่จะมีได้ คนที่จะสามารถทำบัตรพวกนี้ได้จักต้องมีทรัพย์สินเกินพันล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น!”
"พันล้านดอลลาร์สหรัฐมาอยู่ในเขตทุรกันดารเช่นเม็กซิโกทำไมกัน?"
"มันมากเกินไปเปล่า!"
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะก้มหัวลง เพื่อพิจารณาบัตรสีดำขอบทองในมือของตัวเองในทันที
สีของแบล็กการ์ดของใบนี้ มีความวิจิตรงดงามมาก ไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวหรือสัมผัส เขาไม่เคยเห็นมันบนการ์ดใบไหนมาก่อนในชีวิต
บนพื้นผิวของการ์ดสีดำขอบทองนั้นงดงามราวกับงานศิลปะ เพียงแค่ได้เห็นก็รู้สึกสบายใจยิ่งนัก
หม่าขุยไม่ใช่คนโง่
เมื่อเขาเห็นการ์ดใบนี้ เขาย่อมรับรู้ได้ว่าเย่เฉินมีพลังอำนาจมหาศาลขนาดไหน และแม้แต่ทรัพย์สินของเขาก็ควรมีจะมูลค่ามากกว่าหนึ่งหมื่นล้านเหรียญสหรัฐเช่นกัน
ในตอนนี้ เขากลับรู้สึกว่าตนเองไม่มีความสามารถใด ๆ ขึ้นมาในทันที
เพราะเขารู้ดีว่า คนที่มีอำนาจเช่นเย่เฉินนั้น ถ้าเขากล้าที่จะใช้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเองมาลองเชิงเช่นนี้แล้ว นั่นหมายความว่า ในสายตาของเขา ตรงหน้าไม่ได้มีอันตรายใด ๆ เลยแม้แต่น้อย ไม่มีอะไรที่จะมาข่มขู่เขาได้
เหตุผลที่เย่เฉินกล้าจะใช้ชื่อจริงของเขาติดต่อคนกลุ่มนี้ก็เพราะว่า อีกด้านหนึ่งเขาไม่ได้กลัวการตอบโต้จากคนเหล่านี้ เพราะในความคิดของเขาแล้ว การช่วยเหลือคนหนึ่ง ย่อมมีอีกคนหนึ่งที่ต้องตายไป!
ในทางกลับกัน เขาก็รู้ว่าเหมยอวี้เจินไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับคนพวกนี้

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...