เมื่อเห็นว่าเขาลังเลที่จะพูด เย่เฉินก็ตะโกนว่า “พี่ชาย!”
หล่างหงจวินหันศีรษะโดยไม่รู้ตัวและถามอย่างประหม่าเล็กน้อย “คุณเย่...คุณ...คุณกำลังเรียบผมหรือเปล่า?”
เย่เฉินพยักหน้าพร้อมยิ้มแล้วพูดว่า “แน่นอน ผมเรียกคุณนั่นพี่แหละครับ พี่คงจะไม่นับผมเป็นน้องชายเร็วขนาดนี้ใช่ไหมครับ?”
หล่างหงจวินรู้สึกปลื้มปิติและพูดว่า “คุณเย่ คุณคือผู้ช่วยชีวิตของผม ผมอยู่ตรงหน้าคุณ จะกล้าดียังไงมาเรียกตัวเองว่าพี่ชาย”
เย่เฉินยิ้มบาง ๆ มองหล่างหงจวินและถามว่า “พี่ชายมีแผนอะไรต่อไหมครับ?”
เมื่อได้ยินคำถามของเย่เฉิน หล่างหงจวินก็ส่ายหัวด้วยสีหน้าสับสนและพูดด้วยรอยยิ้มขมขู่ว่า “เป็นสการณ์แบบนี้แล้ว ผมจะมีแผนอะไรอีก เพราะคุณผมถึงรอดจากภัยพิบัติได้ ดังนั้นตอนนี้ผมจะกลับไปที่อเมริกา แล้วค่อยคิดแผนอย่างอื่นครับ...”
เย่เฉินมองเขาและพูดอย่างจริงจังว่า “พี่ชาย ในเมื่อพี่วางแผนมาไกลถึงเม็กซิโกเพื่อเป็นนักเดินเรือ ผมคิดว่าคงยากสำหรับพี่ที่จะหางานที่เหมาะสม เมื่อพี่กลับที่สหรัฐอเมริกา”
เมื่อหล่างหงจวินได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเขาก็อายเล็กน้อยและทำอะไรไม่ถูก
เขาถอนหายใจยาวและพูดว่า “ถ้าหางานที่เหมาะสมไม่ได้ ก็หางานระดับล่างๆ มาทำก็ได้ แม่ของผมยังสามารถหางานทำในร้านอาหารได้ ผมก็ได้แน่นอนครับ”
เย่เฉินมองเขาด้วยยิ้มและพูดว่า “พี่ชาย ผมอย่างนี้ดีไหมครับ ในเมื่อพี่ก็มาแล้วงั้นก็ไม่รีบกลับไป เนื่องจากพี่ทำงานด้านวิศวกรรมการสื่อสาร งั้นในอนาคตก็เข้าร่วมสำนักว่านหลงและทำงานในสำนักว่านหลง! ตอนนี้สำนักว่านหลงตั้งอยู่ในตะวันออกกลาง แผ่รังสีทั้งโลกผ่านทะเลและอากาศสองทาง ความต้องการในการสื่อสารจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนและสูงขึ้นในอนาคต ต้องการคนที่มีความสามารถอย่างพี่มากมาก
หล่างหงจวินคาดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะเชิญเขาให้เข้าร่วมสำนักว่านหลง
ขณะนี้ เขาไม่ลังเลเลย แต่ถามด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง “น้องชาย คนอย่างผมมีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมสำนักว่านหลงจริงๆหรือ?”
เย่เฉินพูดอย่างจริงจัง “พี่ชาย พี่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการสื่อสาร สำนักว่านหลงต้องการคนที่มีพรสวรรค์เช่นพี่ และสมาชิกหลักของสำนักว่านหลงเกือบทั้งหมดเป็นชาวจีนและชาวจีนโพ้นทะเล ไม่มีอุปสรรคในการสื่อสาร และเข้าร่วมจะกลายเป็นเรื่องง่าย ๆ สบาย ๆ กว่าตอนที่คุณกลับไปอเมริกาเพื่อทำงานให้ชาวต่างชาติอย่างแน่นอน”
หล่างหงจวินพูดอย่างตื่นเต้นโดยแทบไม่คิดเลยว่า “ผมยอมรับ! ผมยอมรับ! น้องช่วยชีวิตผมไว้ ถ้ามีโอกาสตอบแทนความกตัญญูของผม ผมจะไม่ลังเลเลย และผมไม่ต้องการเงินเดือนแม้แต่บาทเดียว แค่สำนักว่านหลงสามารถดูแลอาหารของผมได้ ผมก็จะพอใจแล้ว”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...