แต่เธอฟังน้ำเสียงของเย่เฉินออก ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าที่เย่เฉินรีบร้อนขนาดนี้ด้วยเรื่องอะไร แต่ก็ฟังความหมายในน้ำเสียงของเขาออก ว่าเวลาทุกนาทีมีค่า
ด้วยเหตุนี้เอง อิโตะ นานาโกะจึงรีบตัดสินใจอย่างเด็ดขาด : ไม่ต้องกินข้าวแล้ว ออกเดินทางตอนนี้เลย
เมื่อนึกถึงตรงนี้ นางก็กล่าวกับเย่เฉินอย่างไม่ลังเล “ตกลง เย่เฉินซัง เดี๋ยวฉันจะรีบไปจัดรถและเครื่องบินรอบที่เร็วที่สุด”
เย่เฉินกล่าวอีกว่า “อ่อจริงสิ พยายามพาคนมาที่นี่ด้วยน้อยที่สุด ยิ่งน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”
อิโตะ นานาโกะรีบเอ่ยปากว่า “อย่างนั้นฉันพาอากับพ่อบ้านไปด้วยได้ไหม พ่อกับทานากะซังพิการไปแล้ว เลยจำเป็นต้องมีคนคอยช่วยดูแล”
“ได้” เย่เฉินตอบรับแล้วเอ่ยว่า “ก่อนที่เครื่องบินจะออก บอกเลขเที่ยวบินกับผมก่อน เดี๋ยวผมจะจัดคนไปรับที่สนามบิน”
“ได้ค่ะเย่เฉินซัง!”
เย่เฉินอมยิ้ม “เจอกันที่นิวยอร์กนะ”
“ได้ค่ะ เจอกันที่นิวยอร์ก”
เมื่อวางสายแล้ว อิโกะนานาโกะก็รีบโทรหาผู้ช่วยของตนเองทันทีแล้วสั่งให้นางเตรียมเครื่องบินโบอิ้งไว้ให้พร้อมสำหรับเดินทางไปนิวยอร์ค
ในเวลาเดียวกันนั้นก็สั่งให้เธอนำเฮลิคอปเตอร์ที่ใช้เดินทางบ่อยที่สุดของอิโตะกรุ๊ปย้ายมาที่นี่ นางวางแผนว่าจะให้ทุกคนออกเดินทางจากบ้านไปสนามบินด้วยเฮลิคอปเตอร์ เพราะจะช่วยประหยัดเวลาเดินทางไปได้มาก เพราะในเวลานี้เป็นช่วงเวลาของการใช้ชีวิตยามค่ำคืนของเมืองโตเกียว การจราจรจึงติดขัดมาก
แม้ว่าผู้ช่วยจะไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เธอถึงอยากไปอเมริกา แต่ก็ไม่กล้าทำให้เสียเวลาการเดินทาง และรีบไปจัดการธุระทุกอย่างให้เรียบร้อย
นานาโกะไม่ได้ไปแจ้งพ่อของเธอ แต่กลับมาหาทานากะ โคอิจิแล้วบอกกับเขาว่า “ทานากะซัง พวกเราต้องออกเดินทางไปอเมริกาตอนนี้เลย เย่เฉินซังให้คุณไปด้วย คุณมีอะไรต้องเตรียมก่อนไหมคะ”
ทว่าความเจ็บปวดในใจมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้
หลังจากที่สวมใส่ชุดเสร็จแล้วและยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลาสองสามนาที เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาบริเวณที่สัมผัสกับขาเทียมทั้งเจ็บทั้งชาแถมยังคันอีกด้วย
เขาอยากจะถอดขาเทียมโยนทิ้งออกไปเสียเดี๋ยวนี้แล้วกลับไปนั่งบนวีลแชร์เช่นเดิม แต่เมื่อนึกถึงที่ลูกสาวพูดว่าจะถ่ายรูป เขาก็พยายามอดทนอดกลั้นเอาไว้ได้
ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะเดินออกไปเอง แต่เนื่องจากการใช้ขาเทียมเดินนั้นไม่ค่อยสะดวกนัก เขาพยายามลองเดินสองสามก้าวแต่ก็พบว่าเดินได้อย่างยากลำบาก จึงได้แต่ต้องให้คนรับใช้ช่วยพยุงเขาเดินออกไปจากห้อง
ทว่าเขาไม่รู้ว่าเวลานี้ทั้งตระกูลอิโตะ ไม่มีใครสนใจเรื่องงานวันเกิดของเขาแล้ว เพราะทุกคนต่างกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปนิวยอร์ก
เอมิ อีโตะกำลังสั่งการแล้วถือโอกาสตอนที่เฮลิคอปเตอร์ยังไม่ถึง รีบเอาอาหารทุกอย่างใส่ลงไปในกล่องข้าวไม้แบบดั้งเดิม และยังเตรียมห่อเค้กที่อิโตะ นานาโกะตั้งใจเตรียมไว้ให้นางาฮิโกะ อิโตะด้วย

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...