อิโตะนานาโกะไม่มีเวลาที่จะสนใจเรื่องเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกต่อไป เธอสั่งการเรื่องต่างๆ พลางโทรไปหาผู้ช่วยของตนเองให้จัดการเรื่องงานต่างๆ ในช่วงเร็วๆ นี้ของตน อะไรที่ขยายเวลาออกไปได้ก็ขยายอะไรที่ขยายไม่ได้แต่สามารถทำงานจากทางไกลได้ ตนก็จัดไปจัดการให้ตอนอยู่ที่นิวยอร์ก หากไม่สามารถเลื่อนออกไปก่อนได้และไม่สามารถจัดการได้จากทางไกลก็ให้ส่งตัวแทนไปจัดการแทนก่อน
ทานากะ โคอิจิไม่รู้ว่าตนเองจะทำอะไรดี เขาไม่มีอะไรต้องเตรียมแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่นั่งอยู่บนวีลแชร์เฝ้ามองดูทุกคนที่กำลังวุ่นวาย
เมื่อเห็นนางาฮิโกะ อิโตะเดินออกมาโดยมีคนรับใช้ช่วยประคอง ทานากะ โคอิจิก็ตื่นเต้นมาก เขารีบบังคับวีลแชร์ไปข้างหน้าแล้วกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “คุณท่านดูสง่างามไม่ต่างไปจากเมื่อก่อนเลย”
นางาฮิโกะ อิโตะหัวเราะเล็กน้อย “สง่างามอะไรกัน มันก็เป็นแค่การสร้างภาพจอมปลอมที่เกิดจากขาเทียมก็เท่านั้น”
ระหว่างที่กล่าว เขาก็มองไปที่ทานากะ โคอิจิแล้วเอ่ยว่า “ทานากะ พวกเราไปห้องโถงด้านหน้าด้วยกันเถิด”
ทานากะ โคอิจิกำลังจะบอกว่าอย่าไปเลย แต่อิโตะนานาโกะก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นนางาฮิโกะ อิโตะเปลี่ยนไปใส่ชุดใหม่แล้วก็เอ่ยอย่างตื้นตันว่า “ท่านพ่อ ดูท่านในตอนนี้……”
นางาฮิโกะ อิโตะรีบแย่งตอบว่า “สง่างามไม่ต่างไปจากเมื่อก่อนใช่หรือไม่ เมื่อสิบวินาทีก่อนหน้านี้ทานากะก็ได้พูดแบบนี้ไปแล้ว”
อิโตะ นานาโกะเม้มปากยิ้ม แล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ที่หนูอยากบอกก็คือ สง่างามมากกว่าในอดีตเสียอีก แม้ว่าตอนนี้จอนผมของท่านพ่อจะเริ่มหงอกแล้ว อาจจะดูแก่ลงบ้าง แต่โดยภาพรวมแล้วยังคงดูแข็งแรงมาก”
นางาฮิโกะ อิโตะยิ้มแล้วกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “หรือก็คือสงบลงจนน่ากลัวมากกว่า”
อิโตะ นานาโกะมองไปที่เขาแล้วอมยิ้มกล่าวว่า “ชุดยูกาตะของท่านพ่อชุดนี้ดูมีชีวิตมากเลย ใส่ชุดนี้ไปที่อเมริกาเสียเลยเถอะค่ะ”
“อะไรนะ?” นางาฮิโกะ อิโตะขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “ไปทำอะไรที่อเมริกา”
อิโตะ นานาโกะกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “นี่คือเจตนาของเย่เฉินซัง”
นางาฮิโกะ อิโตะกล่าวอย่างไม่ยอมเปลี่ยนใจ “ลูกชอบเขา ไม่ได้หมายความว่าพ่อชอบเขาด้วยนี่ ความตั้งใจของเขาแล้วอย่างไร ลูกอยากไปก็ไปคนเดียว พ่อจะรออยู่ที่นี่ ไม่ไปไหนทั้งนั้น!”
อิโตะ นานาโกะเริ่มโมโห ตอนนี้น้ำเสียงของนางจึงเริ่มฉุนเฉียวขึ้นมาแล้วและเจือแววตำหนิด้วยซ้ำ “โอโต้ซัง! ลืมไปแล้วหรือคะว่าเย่เฉินซังมีบุญคุณอะไรบ้างกับตระกูลอิโตะของเรา”
“ฉันไม่ลืม!” นางาฮิโกะ อิโตะเริ่มไม่พอใจขึ้นมาเหมือนกัน “แต่ลูกก็อย่าลืมนะว่า เย่เฉินก็ขุดทองจากพวกเราไปไม่น้อยเหมือนกัน เงินกว่าร้อยล้านดอลล่าจะไม่ให้ก็ไม่ต้องให้ พ่อเคยเอาเรื่องนี้มาพูดบ้างไหมล่ะ ก็ไม่เคยใช่ไหม”
อิโตะ นานาโกะกล่าวอย่างด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โอโต้ซัง เย่เฉินซังให้พวกเราไปนิวยอร์กตอนนี้ แสดงว่าจะต้องมีเรื่องสำคัญแน่ๆ ไม่ว่าจะในด้านความสัมพันธ์หรือด้านเหตุผล พวกเราไม่ไปไม่ได้!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...